Tuesday, November 16, 2010

Artona since 1909 OUR IMAGE IS BUILT ON YOURS

v




วันนี้ไงขอต่อเรื่องการถ่ายรูป graduate ของยีนอีกสักรอบ...

เมื่อวานฮ่งได้รับซองจดหมายส่งมา..และเขียนไว้ที่มุมว่า " Your Order Deadline: NOV.16th, 2010" แบบไงอ่ะ เมื่อวาน 15 เพิ่งได้รับ พรุ่งนี้ dead line เลย...ทำเอาพ่อกับแม่เนี่ยหงุดหงิดมากเลย...

คือที่เหงุดหงิดเพราะมันเหลือเวลาให้เราคิดแค่วันเดียว แล้วก้อที่นี่เวลาสั่ง order เนี่ย เราต้องอ่านดีๆ ทำความเข้าใจด้วย มันก้อมีโปรโมชั่นหลาย package มากเลย...แล้วก้อขั้นต่ำก้ออย่างที่บอก 140 เหรียญขั้นต่ำ..

ฮ่งก้อเปิดซองออกมาดู เค้าทำเป็นรูปเล่ม..ของ Gene Takviriyanan เลยอ่ะ..แบบโปรชัวร์เล่มนั้นจะมียีนเป็นนายแบบเลย..เค้าทำให้เป็นคนๆเลย..ของเพื่อนยีนก้อจะเป็นเพื่อนยีนเป็นนายแบบ...ก้อเริ่มเข้าใจแล้วหละว่าไอ้ที่มันแพงเนี่ย..มันบวก..บวก..แล้วก้อบวกหลายอย่างลงไป..

แบบฮ่งก้อเปิดอ่านทำความเข้าใจ ก้อไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะสั่งอย่างไร..มี 5-6 packages อันแรก Studio Master -$395.99 เราเลือกรูปที่เราถ่ายได้ 5ท่า...( 5 poses) จาก 16 ท่า...แล้วเค้าก้อมีรายละเอียด..
1-16x20
1- 10x13
3- 8x10
4- 5x7
8- 4x5
24- 2 1/2 x 3 1/2
Digital Matte 8x10

เสร็จก้อมีช่องให้เติมเงิน...มีหักลบมีคูณ...แล้วมันก้อเป็นแบบนี้ทุก package เพียงแต่เราจะเลือกแบบไหน The Classic select 4 poses price- $345.99
The Graduation Special select 3 poses price-$295.99
The Contemporary select 2 poses price -$255.99
แล้วก้อมีแถมรูปเล็ก 16รูป...มี CD ด้วย แต่เป็นแบบ High Resolution Disc ก้อ High price ถ้า low ราคาก้อต่ำลงมาอีก..

คือไงอ่ะ อยุ่ที่นี่ ซื้อของ..อะไรทุกอย่าง ต้องอ่าน promotion กันนานมาก..เพราะไม่เข้าใจไง..เราก้อคุ้นแบบเรา แต่ฝรั่งมันก้ออีกแบบ...

สองคนพ่อแม่ก้อดูแล้วก้อคำนวณ คิดมาคิดไปมันแปลว่าอะไรว่ะเนี่ย..ไม่เข้าใจ แล้วเลือกอันไหนคุ้มสุดเนี่ย..สองคนถามกันเองตอบกันเอง ก้อไม่รู้คำตอบว่าถูกหรือผิด...

ฮ่งถึงกับจะให้ยีนกลับมาแล้วนั่งรถไปที่ร้านด้วยกัน สั่งกันที่ร้านเลย ไม่เข้าใจก้อถามพนักงานเลย..

แต่พอยีนกลับมา ยีนบอกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวยีนจัดให้..ยีนสั่งทาง on line ได้...ฮ่งก้อบอกแน่ใจเหรอ..พ่อดูยังไม่เข้าใจเลย..ไม่รุ้จะสั่งไงเลย??

แต่ปรากฏ...ยีนเค้าเข้าไปดูใน web-site แล้วก้อแบบ click เร็วมาก..เค้าก้อเข้าใจ แล้วก้ออธิบายให้เราสองคนฟัง..พร้อมกดเงินให้ดูด้วย..เลื่อนมาเลื่อนไป...อธิบายเร็วมาก...สำหรับพ่อแม่หัวช้าอย่างเรา...ก้อต้องบอก เฮ้ย..ช้าหน่อย..ดูไม่ทัน..หรือไม่ก้อ อธิบายอีกครั้งสิ..ไม่เข้าใจ...55555 แต่โปรแกรมมันดีมากเลย..มันคำนวณให้เสร็จ...ง่ายมาก..เลยทำให้พ่อกับแม่ต้องพยายาม get......เฮ้อ..ต้องยอมรับ เราไม่ทันกับ.....เทคโนโลยี่สมัยใหม่จริงๆ....ต้องเรียนรู้อีกเยอะ...^^

และไอ้เงินมัดจำ 60 เหรียญ เค้าก้อหักตาม package ที่เราเลือก..แต่เราต้องเข้าไปใส่รหัสบางอย่างนะ..ไม่งั้นเค้าก้อริบเงินก้อนนั้นไป..ยุ่งมากเลย..ถ้าให้ยุ่นทำนะ งานนี้...ยุ่นทำไม่เป็นแน่ๆ..

สุดท้ายก้อจบลงด้วยการเลือก..The Graduation Special และเพิ่มอีก 1 pose ก้อเสียสตางค์ไป300 กว่าเหรียญ เฮ้อ..แพงมั่กๆ..เลย รูปประเทศนี้...เป็นหมื่นนะ....ได้มาไม่กี่ใบ...

อันนี้ก้อเป็นตัวอย่างจาก brochur ที่ถ่ายมา..ตอนนี้ก้อเอามาดูได้ประมาณนี้ก่อน ยังไงไว้ได้ CD มาคิดว่าน่าจะแจ่มกว่านี้นะ...ก้อสมควรนะ...เสียไปเป็นหมื่น...เฮ้อ...

Friday, November 12, 2010

ถ่ายรูปราคามหาโหด






เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว 7 พฤศจิกายน ทางวัดพุทธปัญญานันทารามได้จัดงานทอดกฐินสามัคคี ที่สวน VanDusen Botanical Garden ( Floral Hall ) งานนี้คนไทยไปร่วมทำบุญกันมากมาย คับคั่ง งานนี้ยุ่น พี่อ้อม และพี่ต้อย เราสามคนก้อได้ไปร่วมด้วยช่วยกัน....

หลังงานนี้ พวกเราก้อเหมือนเดิม ไปรวมตัวกันที่บ้านพี่ประเวศกับพี่ต้อย นั่งคุยกัน กินข้าวต้มกัน...ก้อสนุกสนานกันตามประสาคนไทยในต่างแดน...แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ปรับทุกข์กัน ก้อทำให้เราคลายความคิดถึงเมืองไทยได้บ้าง...

พอดีคุยไปคุยมาก้อคุยกันถึงเรื่องคนขับรถเมล์ในแวนคูเวอร์เนี่ย รายได้ดีมากเลย...ฮ่งก้อเล่าว่าเพื่อนคนหนึ่งบอกเค้ามีเพื่อนทำอยู่รายได้ปีละเกือบ 70,000 เหรียญ ก้อตกเดือนละ เกือบ 6,000 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยก้อราว 180,000 บาท ยุ่นก้อบอกรู้งี้มาถึง..มุ่งมั่นหางานนี้ทำเลย...น่าจะรุ่ง...ความงก..มาโดยไม่รู้ตัว..

พี่ประเวศบอก มันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะคับ..เพราะหนึ่งคุณต้องเป็น citizen ของเค้าก่อน สองคุณต้องสอบใบขับขี่ไม่ใช่แบบพวกเรานะ ของพวกเรา class 5 ใช่มะ ของเค้าอาจจะ class 2 หรือ 3 เรียกว่าประเทศนี้ คุณยิ่งขับรถใหญ่ พวก truck เอย Van เอย...หรือรถยกอะไรที่ยากๆเนี่ย คุณยิ่งต้องได้ class ต้นๆ class 1 เลยก้อว่าได้...และสังเกตุว่า คนขับรถที่นี่แข็งแรงมาก...นอกจากนี้ ยังต้องผ่านด่านการแข่งขันที่สูงมาก เพราะใครๆก้ออยากทำงานนี้กันทั้งน้าน...^^

อึม..ฟังแล้วก้อรู้สึกว่ายากไม่ใช่เล่น แต่ก้อชอบความคิดเค้าอีกแล้ว คือฝรั่งเค้าจะป้องกันที่ต้นเหตุเลย เพราะการที่คัดเลือกคนที่มีความรู้ และผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีแล้วมาขับรถใหญ่ๆเหล่านี้ และกฎหมายบนท้องถนนเค้าเอาจริงเอาจังกว่าเรามาก....ปรับก้อปรับหนักเลย...หรือยึดใบอนุญาต...ทำให้อุบัติเหตุบนท้องถนนที่นี่เกิดน้อยมาก... ซึ่งต่างจากบ้านเรา พวกสิบล้อ หรือพวกที่ขับรถใหญ่ ก้อชาวบ้านที่ไหนก้อได้ที่ผ่านการสอบใบขับขี่เหมือนๆกันมาขับ...และบางทีก้อเมายาเมาเหล้า..อุบัติเหตุก้อเกิดได้ง่ายกว่ากัน...อึม..เค้าคิดสวนทางกับเราดี...แต่เข้าท่า...

แต่ก้อมีบางอย่างที่เราก้อไม่ชอบใจเหมือนกัน...อาจเพราะเราคุ้นกับบ้านเราที่มันถูกไง..พอมาเจอแบบนี้ เราทำใจรับยาก..

อย่างวันก่อน..ครอบครัวเราต้องต่ออายุ PR Card เพราะมันจะครบห้าปีแล้ว..อึม..เร็วเหมือนกันนิ..เพราะหากเราไม่ต่อ มันจะหมดช่วงปีหน้าที่เรา plan จะกลับไทย แล้วเวลากลับเข้ามา เราจะมีปัญหา...เสร็จก้อต้องถ่ายรูปใช่มะ..แบบรูปเนี่ยก้อคล้ายๆกับรูปที่เราทำ passport สมัยก่อน อึม..รูปที่ทำวีซ่าก้อได้...ถ้าบ้านเราก้อถ่ายโหลละ 100-200 บาทประมาณนี้ใช่มะ...

แต่ที่นี่ไม่ใช่ คุณต้องไปถ่ายร้านที่มี license นะ เค้าต้องสลักชื่อที่รูปด้วย..แล้วขอโทษสองใบเท่านั้นนะที่ได้ ก้อแบบทางการเค้าต้องการสอง มันก้อคิดให้สองใบเท่านั้น สนนราคาก้อประมาณ 10-20 เหรียญ ต่อสองใบนะค้า...ร้านดังๆเนี่ย 20เหรียญ รูปเล็กๆเนี่ย ใบละ 300 บาทบ้านเรา...ทำใจลำบากมากเลย..ทั้งครอบครัวเราสามคน ถ้าถ่ายร้านดังๆก้อ 60เหรียญ 1800 บาท ได้มาหกใบ..

บังเอิญได้รู้จักพี่คนไทยคนนึงเค้ามีบัตรสมาชิก cosco เค้าบอกคุณยุ่นไปถ่ายร้านนี้เดี๋ยวพี่พาไป ใช้บัตรพี่ ได้ลดราคา... ตกคนละ 7 เหรียญหรือไงเนี่ย...ก้อประหยัดลงมามาก..ทีแรกจะไปร้านที่พี่ประเวศแนะนำ ก้อตกคนละ 10 กว่าเหรียญเกือบยี่สิบเหมือนกัน...

หรืออย่างยีนจะจบเนี่ย เค้าต้องถ่ายรูปใส่สูทใช่มะ..ซึ่งทางโรงเรียนคงมี contract กับร้านถ่ายรูปใหญ่ๆ แบบเชื่อมะ รูปเดียวเนี่ย 60 เหรียญ แบบรูปใหญ่หน่อยนะ....อึมก้อใหญ่กว่าที่เราใส่ album นิดนึง...แต่ส่วนใหญ่ก้อไม่ไ้ด้เอารูปเดียว..อย่างตอนโน้นของ Earth พี่ประเวศบอกได้มาไม่กี่รูปเกือบ สองร้อยเหรียญ แพงมั่กๆที่นี่ถ่ายรูป...เรียกว่ามหาโหดเลย...

แล้วเค้าก้อถ่ายให้ยีน 16 รูปใช่มะ เราเลือกหนึ่งรูปเท่านั้น 60 เหรียญ เสร็จเค้าก้อให้เข้าไปดูรูปใน web site โดยเราก้อใส่รหัสเข้าไปดูรูปเราได้...รูปทุกใบจะมีตัวหนังสือ cross หน้าเรานะว่าห้าม copy เป็นลิขสิทธิ์ของเค้า...และเราก้อ copy paste ไม่ได้ด้วย..ส่ง mail ก้อไม่ได้ หรือ post บน facebook ก้อไม่ได้ แบบมันมีระบบ lock ป้องกันหมดเลย....555555 สงสัยนี่คือสาเหตุที่มันแพง...

แต่ลูกเรา ก้อทำได้อยู่ดี ไม่รู้ทำไง..ก้อเอามาแปะในคอมตัวเองได้..และเค้าบอกเดี๋ยวเค้าจะทำแบบสามารถส่งเมลได้...แต่แม่ก้อไม่รู้เรื่องอยู่ดี...อันนี้ high tech เกิน...คือการทำแบบนี้คนที่นี่เค้าไม่ทำไง แต่ถ้าพวกเอเชีย น่าจะทำนะ..ไม่รู้เหมือนกัน พอดีลูกเรามันทำ...แต่การสรุปแบบนั้น..อาจผิดก้อได้ 55555

ทีแรกก้อว่าจะ post ลงมาใน blogger ให้เพื่อนๆได้ดูสักหน่อย ปรากฎตอนนี้ยังทำไม่ได้ คงต้องรอคุณยีนว่างๆ จัดการทำให้เรียบร้อย แล้วไง..จะ post ลงในนี้...อึม..เค้าก้อถ่ายแบบ professional นะ...แต่ราคามันเกินไป รับไม่ได้อยู่ดี...

เฮ้อ..ก้อเรียกว่า..บางอย่างที่นี่ก้อดี..แต่หลายอย่างก้อโหดสุดๆ..North America ก้อคุยกันเป็นภาษาเงินนะ ยุ่นว่า...

Friday, November 5, 2010

งานเข้าที่คุมอง...ตอนมิสไม่อยู่..

สัปดาห์นี้มิสติงลางานเพื่อไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวที่ฮาวาย ซึ่งปกติมิสติงก้อจะพักผ่อนแบบนี้ปีละหนึ่งหรือสองครั้ง..ครั้งละประมาณสองอาทิตย์ และโดยทั่วไปก้อไม่มีอะไร แกก้อสั่งงานยุ่นกับ Jessica ให้ช่วยกันรับผิดชอบ feed back นักเรียนแทน..และช่วยกันดูแลศูนย์...

ก่อนไป..มิสก้อมักจะให้้เบอร์โทรศัพท์ที่เราจะสามารถติดต่อแกได้เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน...เช่นให้เบอร์มือถือลูกสาวแกเพื่อเราจะโทรหาเวลาฉุกเฉิน แต่ครั้งนี้มิสให้แต่เบอร์ผู้จัดการที่ดูแล building ไม่ได้ให้เบอร์ลูกสาว แต่ที่ผ่านมาทุกครั้งก้อไม่เคยมีปัญหาอะไรที่เราต้องติดต่อมิสติง...ส่วนใหญ่ยุ่นกับ Jessica ก้อจัดการได้

แต่ครั้งนี้สิ..ดันเกิดเหตุ... อ้อ..ลืมไปต้องเล่าก่อนว่า building ที่เราเช่าเนี่ย มีสามชั้น รวม basement ก้อเป็นสี่ชั้น คุมองกับ church ของฟิลิปปินส์อยู่ชั้น basement ทางเข้าออกของ basement จะใช้บันไดแยกจากชั้นหนึ่งถึงชั้นสาม คือเป็นบันไดส่วนตัว ว่ากันง่ายๆ...และส่วนใหญ่พวกเราผู้ช่วยและ church จะเข้าออกโดยทางนี้ ทุกคนจะมีกุญแจที่จะไขลงมา basement

อีกทางก้อคือ elevator หรือลิฟท์ มีสองตัว ทั้งสองตัวใช้ขึ้นชั้นหนึ่งถึงสามได้ แต่มีตัวเดียวเท่านั้นที่ใช้ลง basement และจะใช้ได้ก้อต่อเมื่อมิสติงปลดล๊อคชั้นล่าง และคุมองเท่านั้นที่จะใช้ lift ลงด้านล่างได้ church จะใช้ไม่ได้ ถ้ามิสไม่เปิดลิฟท์ด้านล่าง แต่ข้างบนตึกก้อใช้ได้ตามปกติ..คือ lock แค่ basement เท่านั้น

เหตุเกิดเนื่องจากเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา มีขโมยพยายาม broke in เข้ามาตรงประตูบันไดที่ใช้ลงมาที่ basement และมันก้องัดแงะจนที่ไขกุญแจเสีย...คือไอ้ตัวที่ไขเนี่ยมัน up-side down เลย

วันอังคาร ยุ่นไปทำงานปกติ ยุ่นเป็นคนแรกที่ต้องไปเปิดศูนย์...ยุ่นก้อมีกุญแจเปิดเข้าทางบันได..และมิสก้อให้กุญแจปลดล๊อคที่ lift ด้วย...แต่ยุ่นต้องไปปลดรหัสกันขโมยก่อนโดยลงทางบันได...เพราะหากลง lift เลย กันขโมยจะดังเมื่อ lift เปิด และเราก้าวออกมา และเมื่อกันขโมยดัง..ตำรวจก้อจะมา และเมื่อตำรวจมา และไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราจะถูก charge 1,000 เหรียญ ค่าเสียเวลา..ของตำรวจที่นี่ เพราะฉะนั้น อันนี้ serious...

.แต่วันนี้ยุ่นไม่สามารถลงทางบันไดได้ เพราะไขกุญแจไม่ได้ ยุ่นก้อเลยตัดสินใจลงทาง lift เป็นไงเป็นกัน กันขโมยดังก้อต้องให้มันดัง....และแล้ว..กันขโมยก้อดังจริงๆ.. ก้อได้แต่รีบวิ่งไปกดรหัส..และตอนดึกวันนั้น มิสติงโทรมาหายุ่น ยุ่นก้อบอกเหตุให้แกรู้ ว่าประตูมีปัญหา และเราทำแบบนี้ และเราได้โทรแจ้ง Valerie ผู้จัดการว่าประตูมีปัญหา และเค้าบอกเค้าจะให้คนมาซ่อมประตูวันรุ่งขึ้น คือวันพุธ...คิดว่าน่าจะโอเค..

ยุ่นก้อวางใจคิดว่าวันพฤหัสคงเรียบร้อย..เพราะยุ่นรับผิดชอบเปิดศูนย์ทุกวันไง..พอพฤหัส..สอบ Calculus วันสุดท้ายเสร็จเร็ว ก้อเดินไปที่ศูนย์ถึงประมาณ 2:40 pm ก้อปรากฎว่าไอ้ประตูเจ้าปัญหายังไม่ได้ซ่อม ยุ่นก้อเฮ้อ..เราต้องลงทาง lift อีกแล้ว... กันขโมยต้องดังอีก..แต่ไม่รู้ทำไง..ก้อไปกด lift ..ปรากฎ วันนี้ lift ก้อไม่ทำงาน ไม่มีไฟ...ไม่มีใครสามารถใช้ lift ได้เลย หรือว่า เกิดอะไรขึ้น เจ้าของเค้า lock lift ตัวนี้เหรอ??

งานเข้าละสิ...แล้วเราจะลงไปที่คุมองไงเนี่ย......ก้อโทรหา Valerie อีก ปรากฎคุณเธอไม่รับสายให้ฝากข้อความ ที่นี่เนี่ย...แบบเวลาเราโทรศัพท์หาคนที่นี่นะ....ทางมือถือนะ..จะไม่มีการรับสาย....เรามักจะไม่ได้คุยกับเจ้าของเครื่องณ.เวลาที่โทรไป... ส่วนใหญ่เราจะต้องฝากข้อความ พอเค้าได้รับสักพัก เค้าค่อยโทรกลับ.... เพราะที่นี่คนรับสายก้อเสียสตางค์ จึงไม่ค่อยมีคนรับ ส่วนใหญ่จึงเป็นการฝากข้อความ มันก้อเสียสตางค์เหมือนกันแต่ในราคาที่ถูกกว่า...เรียกว่าทีแรกที่มาที่นี่แบบหงุดหงิดสุดๆ ปรับใจปรับตัวอยู่ระยะหนึ่งเลย แต่พอเจออีก ก้อหงุดหงิดอีก..

เสร็จยุ่นก้อโทรไปสองรอบ คุณเธอก้อไม่รับ..ไอ้เราก้อทำไงเนี่ย เดี๋ยวนักเรียนจะมาแล้ว...แล้วเนี่ยลงไปที่ศูนย์ไม่ได้ เราคงต้องติดต่อมิส ปรากฎครั้งนี้มิสไม่ได้ให้เบอร์ที่ติดต่อแกไว้ แต่ยุ่นรู้ว่าลูกสาวคนเล็กของมิสอยูที่บ้านมิส ยุ่นเลยโทรหาเค้าที่บ้าน เล่าหตุการณ์ที่เกิดให้ฟังและบอกว่า ยุ่นต้องการให้มิสติงรับรู้เรื่องนี้และติดต่อกลับมาหายุ่น ว่ายุ่นสามารถทำอะไร ยังไงได้..

ลูกสาวเค้าก้อรีบจัดการโทรไปที่ฮาวาย..มิสติงก้อโทรกลับภายในไม่ถึงห้านาที..แกบอกให้ยุ่นขึ้นไปขอความช่วยเหลือข้างบนตึก.. office บริษัทไหนก้อได้....ให้เค้าช่วยติดต่อ Valerie ให้ได้ ยุ่นก้อทำตามแกบอก..แต่พวกนั้นเค้าบอกเค้าช่วยไม่ได้ เราต้องติดต่อ Valerie เอง..ยุ่นก้อบอกแกว่ายุ่นเองก้อติดต่อแล้วนะ แต่เค้าไม่รับสาย.. แกก้อบอกให้ยุ่นเดินไปอีกตึกหนึ่ง..เดินไปสองห้องนะ..เป็นเหมือนที่ๆเวลามีอะไรก้อไปติดต่อได้...ยุ่นก้อไปหา เค้าก้อบอกเค้าช่วยอะไรไม่ได้ เราต้องติดต่อ valerie คนเดียวเท่านั้น..

คือที่นี่ใน buildingที่เราเช่า จะไม่มีสำนักงานของ building นะ ทุกห้องทุกชั้นปล่อยให้เค้าเช่าหมด..ผู้จัดการกับพนักงานไปอยู่อีกที่หนึ่ง ยุ่นก้อไม่รู้ว่าทีไ่หน เราติดต่อเค้าได้ทางโทรศัพท์ทางเดียวเท่านั้นเวลามีปัญหา...........โครตประหยัดค่าใช้จ่ายเลย อะไรกันนักกันหนา..

เสร็จมิสติงก้อโทรมาบอกว่า ลูกสาวคนเล็กเค้าติดต่อ Valerie ให้ได้แล้วเค้าบอกให้เรารอ เดี๋ยวจะส่งช่างมาซ่อมประตูทันทีเลย....เค้าบอก battery ของ Valerie ใกล้หมด...เค้าไม่สะดวกคุยกับเรา...ยุ่นก้อรอ..รอ..รอ จนรู้สึกมันไม่ใช่ ก้อโทรหา Valerie อีกครั้ง..ได้คุยกับเค้าๆก้อบอกให้รอ... และกำลังจะบอกเบอร์ไอ้ช่างเนี่ย battery เธอก้อหมดแบบหมดจริงๆเลย...คราวนี้ เป็นอันจบการติดต่อ...

ที่เล่ามาถึงตอนนี้ก้อประมาณสามโมงยี่สิบแล้วหละ....นักเรียนก้อเริ่มทยอยมาทยอยมาเรื่อยๆ..เราก้อยิ่งเครียดเนอะ..คือไม่รู้ว่าเมื่อไรไอ้ช่างมันจะมา..ผู้ปกครองก้อเริ่มหงุดหงิดกัน บางคนขอมาพรุ่งนี้ เราก้อเลยให้เค้าลงชื่อไว้..

เสร็จ ยุ่นก้อทนไม่ไหวอีก..ก้อบอกเพื่อน assistant ว่า เราลองช่วยกันเปิดประตูอีกครั้งมั้ย?? ยุ่นก้อลองใหม่ ไขไม่ได้ Trammy ลอง ก้อไม่ work สุดท้ายให้ Sarah ลอง ไม่รู้ sarah ทำไง หมุนไงไม่รู้ มันได้ อยู่ดีๆเปิดออก..จึงทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี.. เราสามารถเข้าไปได้ตอนสี่โมงเย็น...แต่อย่างไรก้อตาม ตลอดเย็นนั้น ไม่มีใครมาซ่อมประตูหรือซ่อม lift เลย และไม่มีแม้แต่เงาของผู้จัดการที่ชื่อ Valerie มาดูความคืบหน้า...ความเรียบร้อย...หรือขอโทษเราหรือ...มาถามไถ่เราว่าเป็นอย่างไร...

ไม่น่าเชื่อว่า Valerie จะทำงานที่นี่ได้ ดูเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบเอาเลย.... เพราะเรื่องนี้มันเกิดตั้งแต่อังคาร และวันนี้พฤหัส..

ตอนดึกวันพฤหัส...ยุ่นก้อเล่าทุกสิ่งอย่างให้มิสติงฟัง มิสติงก้อเลยโทรหาเจ้าของตึก เจ้าของก้อขอโทษมิส และสัญญาว่าพรุ่งนี้คือวันศุกร์ตอนสามโมง แน่นอนเค้าจะส่งคนมาจัดการเปิดประตุให้เรา ไม่ต้องห่วง

วันศุกร์ยุ่นก้อมาปกติ ใช่เค้าซ่อมประตูให้เรียบร้อย แต่คราวนี้เค้าเปลี่ยน lock อันใหม่ กุญแจยุ่นก้อเข้าไม่ได้ แต่บังเอิญ lift ใช้งานได้ และเราก้อมีกุญแจ lift ยุ่นจึงลงไปได้..

เข้าไปในคุมองก้อเจอ Mary คนที่รับผิดชอบจัด worksheet เค้าอยู่ เค้าเล่าให้ฟังว่าเค้ามาตั้งแต่เก้าโมงเช้าวันนี้ ประตูและ lift ยังไม่ได้ซ่อม และเค้าโทรตาม Valerie และ force เลยว่าต้องส่งคนมาซ่อม... Valerie บอกเค้าติดต่อช่างแล้ว แต่ช่างไม่รับสาย เค้าไม่รู้ทำไง Mary บอก Mary ไม่สน แต่ต้องส่งคนมาซ่อมให้คุมองเพราะเด็กจะมาสามโมงและการบ้าน Mary ก้อยังจัดไม่เรียบร้อยดีเลย...คือวันศุกร์ทั้งหมดทั้งอังกฤษกับเลข Mary ยังไม่ได้จัดเลยอ่ะ...เด็ก 100กว่าคนอ่ะ..

และ Mary ก้อรอสามชั่วโมงหลังจากโทรบอก เค้าก้อตามช่างและมาซ่อมให้จนเสร็จตอนเที่ยง Mary ก้อเข้ามาได้ lift ก้อเรียบร้อย...ยุ่นก้อเลยไม่มีปัญหาตอนวันศุกร์บ่ายสามที่ไปถึง..

และนี่เพิ่งรู้จากมิสติงว่า Valerie เนี่ย ถูกเจ้าของตึกไล่ออกไปแล้ว เพราะขาดความรับผิดชอบ..ยุ่นว่าสมควรนะ..อะไรเนี่ยเป็นผู้จัดการดูแลตึกเช่า ปล่อยให้โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่องาน battery หมด... ซ้ำร้ายปล่อยให้เรื่องประตูซึ่งมันเกิดตั้งแต่อังคารเนี่ย เรื้อรังมาถึงวันศุกร์ มันตั้งหลายวันเลยอ่ะ...ยุ่นว่าหากทำงานแบบนี้ สร้างความไม่สะดวกให้ผู้เช่าแบบนี้ ก้อสมควรถูกไล่ออกนะ...นอกจากนี้ต้องบอกว่าเธอร้ายจริงๆ เพราะเธอโทรทางไกลเข้าเบอร์ลูกสาวมิสติงที่ฮาวาย.. ทะเลาะกับมิสติงหลังจากที่เธอถูกไล่ออก ตอนสิบโมงครึ่งของวันศุกร์.....สุดยอดจริงๆ...คนๆนี้...