ตอนเด็กๆเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "ไม่มีคำว่าแก่เกินเรียน" หรือจริงๆก้อคือการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด...ยุ่นเองได้ตระหนักในคำพูดนี้ด้วยตัวเอง ช่วงที่อยู่ที่แวนคูเวอร์นี่แหละ..การเรียนรู้ไม่ใช่จำกัดแค่ในหนังสือตำราเรียน ในห้องเรียน..แต่มันอยู่รอบๆตัวเรา ทุกๆวัน....
ตอนอยู่ไทย...ชีวิตส่วนมากจะเน้นไปที่การทำงานเพื่อหาเงินมาช่วยจุนเจือครอบครัว ตื่นมาตอนเช้าก้อรีบจัดการภารกิจส่วนตัว แล้วก้อไปส่งลูกที่โรงเรียน เสร็จก้อรีบบึ่งไปทำงาน เป็นชีวิตที่เป็นกิจวัตร จนกลายเป็นความเคยชินของเรา ซึ่งทำให้เรามองข้ามหลายองค์ประกอบในชีวิตเรา....
หลายๆทักษะ...ยุ่นไม่เคยคิดจะฝึกฝนมันเช่น การทำอาหาร การใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็นประโยชน์ การทำบัญชีค่าใช้จ่ายส่วนตัว และอื่นๆอีกมากมาย...แต่สิ่งเหล่านี้ ได้มาฝึกคิดฝึกทำ เอาตอนอายุใกล้ 50 นี่แหละ..
อันแรกที่โดนก้อคือ การต้องทำความสะอาดห้องครัวหรือบ้านที่เราอยู่อาศัย ก้อทำพอเป็น แต่ทำแบบสะอาดเนี๊ยบเนี่ย ไม่เป็น...และยุ่นก้อไม่เคยสนใจเพราะเราก้อจ้างแม่บ้านทำตลอด พอจะสะอาด เราก้ออยู่ได้แล้ว ก้อไม่ได้เคยลงรายละเอียด...พอมาอยู่ที่แวนคูเวอร์ช่วงสี่เดือนแรกที่ต้องย้ายห้องพัก...และต้องทำเองเนื่องจากเราต้องประหยัดสตางค์ในการจ้างคนอื่นทำ...ก้อเลยทำให้เราได้เรียนรู้วิธีการทำความสะอาดแบบที่เรียกว่าสะอาดจริงๆ..โดยมีป้าผู้จัดการสาธิตการทำความสะอาดเป็นตัวอย่าง....เหนื่อยเอาการ แต่เราก้อได้เรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่เคยคิดอยากจะรู้เลย...
อันที่สองก้อคือการทำอาหาร อยู่ไทย อยากกินอะไร บางทีก้อบอกแม่บ้านบ้าง หรือถ้าแม่บ้านทำไม่ได้ ไม่มีปัญหาไปที่บ้านคุณแม่ เดี๋ยวก้อได้ทานสมใจ หรืออาจจะไปซื้อร้านดังๆอร่อยๆมาทานได้ เรียกว่าบ้านเราสะดวกสบายไปทุกอย่าง อยากกินอะไร เดินออกไปหน้าปากซอยก้อหากินได้แล้ว ไอ้ที่คิดจะลงมือทำเองนั้น ไม่เคยอยู่ในความคิดแม้แต่น้อย....อาจพูดได้ว่าความสะดวกสบายทำให้ทักษะหลายอย่างในชีวิตของเราหายไป...
แต่อยู่ที่แวนคูเวอร์ มันคนละ version เลย เดินออกนอกบ้าน ไม่มีอะไรให้ซื้อเลย...มีเหมือนกัน แต่ทั้งแพงทั้งไม่อร่อย และชีวิตมนุษย์ เมื่อความอยากมันเกิดขึ้นแบบสุดๆ เราก้อต้องปรับตัวเรียนรู้เป็นธรรมดา จากคนที่ไม่เคยคิดอยากจะทำกับข้าว เพราะรู้สึกว่าน่าเบื่อ โดยเฉพาะการเตรียมอาหาร เราก้อต้องเรียนรู้ที่จะทำในสิ่งเหล่านี้ ให้เร็ว ให้สะดวก ให้อร่อย...โดยการสอบถามจากเพื่อนคนไทยที่มาอยู่ว่าเค้าทำอย่างไรหากเค้าอยากกินส้มตำ ต้มยำ ผัดไท......และเราก้อต้องมา organize เองว่าเราจะทำมันอย่างไร ให้อร่อย ง่ายและสะดวกสำหรับครอบครัวเรา จากการที่เราต้องการในสิ่งที่มันไม่มี และก้อไม่มีใครจะมาทำให้เราด้วย...ทำให้ยุ่นได้เห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง....ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน...
อันที่สามก้อคือการใช้คอมพิวเตอร์...เนื่องจากตอนอยู่เมืองไทย ก้อไม่ได้เล่นคอมมาก เรียกว่าไม่สนใจเลยก้อว่าได้ แบบฝังใจตั้งแต่เด็กมั้งว่าโง่คอม...คิดว่าตัวเองน่าจะเรียนรู้ช้า ก้อแบบอายที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก้อเลยไม่เรียนรู้มันเลย...มันก้อเลยได้สมใจตัวเองเลยคือไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เลย....
แต่พอมาอยุ่แวนคูเวอร์ ไอ้จะโทรศัพท์คุยกับครอบครัวเราตลอด ค่าโทรทางไกลคงไม่ไหว...หรือการจะติดต่อเพื่อนฝูง หรือเด็กๆนักเรียนของยุ่นเอง หากเราไม่อาศัยเทคโนเลยี่ เราจะติดต่อกับเค้าอย่างไร เขียนจดหมายไป เค้าก้ออาจจะอ่านกัน แต่เค้าจะเขียนตอบเรามั้ยเนี่ย???
และนี่มันยุคอะไรแล้ว ก้อได้เก๋เป็นคนเริ่มต้นให้ โดยเก๋สมัคร hi-5 ให้ ตอนนั้นวัยรุ่นเค้าฮิต เก๋บอก พี่ยุ่นอยากรู้อะไรก้อกดเข้าไปดู อ่านแล้วลองทำเด๋วได้เอง...ง่ายๆแบบนี้เนี่ย แต่ยุ่นกลัวมันมาตั้งนาน จากนั้นก้อเริ่มทำตามเก๋บอก ลองดูทุกอย่าง และในที่สุด มันก้อไม่ได้ยากอย่างที่วาดภาพไว้ ทุกวันนี้ยังคิดอยู่เลยว่า แต่ก่อนเนี่ย ชั้นกลัวอะไรวะ เนี่ย...มันไม่เห็นมีอะไรเลย....กลัวจนไม่เกิดการเรียนรู้...นี่คือสิ่งที่ยุ่นค้นพบตัวเอง และพอเรารู้จักมันแล้ว เราก้อสามารถพัฒนาตัวเราได้มากมาย เราสามารถเรียนรู้อะไรมากมายเหลายอย่างจากคอมพิวเตอร์ เช่น ทำ slideshow ใส่รูปใส่เพลงเก็บเป็นที่ระลึก , ทำphoto shop ,เล่น facebook, เขียน blogger, เรียนการทำอาหารผ่าน youtube, ค้นคว้าข้อมูลข่าวสารผ่าน internet มันช่างมากมายจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไร....ยุ่นว่า..น่าจะมีคนอีกมากมายที่เหมือนยุ่นคือกลัว...แต่ก้อไม่รู้หรอกนะว่ากลัวอะไร....เพราะฉะนั้น ตอนนี้ ยุ่นคิดใหม่ทำใหม่หละ อยากทำก้อทำไป ไม่ต้องกลัว...
และยิ่งมาอยู่ที่นี่ได้สัมผัสความรู้สึกนึกคิดของฝรั่งในเรื่องการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ แก่แค่ไหน หากคุณอยากเรียนหนังสือคุณก้อไปเรียนได้ ก้อไปเรียน ที่Adult school วิชาละ 20 เหรียญ ตอนไปเรียน ยุ่นก้อเห็นมีอาเจ็ก อาแป๊ะ หรือคุณป้า คุณน้าไปเรียนกันมากมาย ไม่มีใครอายใคร เพราะเป็น culture ของที่นี่ ครูอังกฤษที่สอนยุ่น เค้าบอกเค้าจบ high school เค้าก้อไปทำงาน ทำไปเรื่อยๆจนอิ่มตัว อยากมาเรียนก้อกลับมาเรียนตอนอายุ 40 กว่า ก้อเรียนหลายปีเพิ่งจบมหาลัย และเรียนครูต่อ เนี่ยเพิ่งมาเป็นครูเมื่ออายุจะ50... ทึ่งอ่ะ...ชอบวิธีคิด และการใช้ชีวิตของเค้านะ...
และเค้าก้อไม่สนด้วยว่าคุณจะเรียนอะไรมา หากคุณไม่ชอบในสายวิชาที่คุณเรียน คุณก้อเปลี่ยนไปเรียนอย่างอื่น ทำอย่างอื่น ที่นี่เค้ามีให้เรียน รองรับทุกรูปแบบ ค้นหาตัวเอง ทำในสิ่งที่ใช่...ไม่จำเป็นว่าจบวิชาชีพหนึ่งจะต้องยึดมั่นกับมันไปตลอดชีวิต หากไม่ใช่ ไม่ชอบ ก้อมีทางออกให้ เปลี่ยนได้ และก้อเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมที่นี่...ไม่ต้องอาย..ไม่ต้องแคร์ว่าใครจะคิดจะมองเราอย่างไร..คือเค้าไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติ...
นอกจากนี้เค้าก้อมีห้องสมุดที่ช่วยในการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุดนี้ด้วย ห้องสมุดเนี่ยดีสุดยอด เป็นของรัฐบาล สมมติเราไป downtown เข้าห้องสมุดใหญ่ ไปยืมหนังสือมา เราไม่จำเป็นต้องกลับไปคืนที่ downtown เราคืนที่ห้องสมุดใกล้บ้านเราได้ ...สะดวกสบายสุดๆ...
การยืม...เราเข้าไปยืม on line ได้ โดยเราต้องรู้ชื่อหนังสือ และเราก้อ click เข้าไปยืม เค้าก้อจะส่งมาให้สาขาที่เราบอกเราจะไปรับ หาก waiting list ก้อต้องรอหน่อย...เค้าจะส่งเมลมาบอก แล้วเราก้อไปรับตามวันเวลาที่เค้าบอก....การยืมยืมได้สามสัปดาห์ การต่อการยืมได้อีก 6 สัปดาห์ หากหนังสือไม่ได้เป็นที่ต้องการมาก ก้อยืมต่อได้ โดยสามารถต่อทาง on line เช่นกัน...work สุดๆ...ยุ่นชอบมากๆเลย เพราะยุ่นสอนพิเศษเลขที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อหนังสือเลย เราสามารถเข้าไปหาหนังสือที่เราต้องการเพื่อมาสอนเด็กๆได้....ยุ่นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมห้องสมุดที่นี่คนใช้บริการเยอะมากๆ....มันดีจริงๆอ่ะ....ทำให้เห็นเลยว่า ฝรั่งเค้าเน้นการเรียนรู้ด้วยตัวเองแบบไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ....
อยากเห็นสิ่งดีๆเหล่านี้เกิดในบ้านเราบ้าง ไม่ต้องได้ทั้งหมดแบบฝรั่ง..แต่ขอให้มีอะไรดีๆที่ทำให้คนไทยได้มีโอกาสที่จะเปิดโลกทัศน์ในการเรียนรู้ได้บ้าง.....