Tuesday, July 9, 2013

ศาสตร์และศิลป์

ตอนนี้เป็นช่วง summer time ของที่ Vancouver   อากาศก้อแบบร้อนใช้ได้เลยอ่ะ  อย่างวันนี้อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 25องศาเซลเซียส  แต่เราจะรู้สึกคล้าย 29 องศา แดดที่นี่ร้อนจริง..แรงจัง..และที่สำคัญ ใน apartment ที่เราอยู่ ไม่มีแอร์ซะด้วย....จึงร้อนได้ใจจริงๆ...

ที่พูดมายังไม่เข้าเรื่องเลย วันนี้ยุ่นไม่ได้ตั้งใจจะคุยเรื่องอากาศที่นี่ แต่ตั้งใจจะเล่าถึงการสอนหนังสือในช่วง summerนี้   พอดีมีนักเรียนใหม่มาเรียนเพิ่มอีกสามคน  สองคนแรกเป็นน้องสาวฝาแฝดของเข็ม ชื่อ ขิม & ขวัญ  กำลังจะขึ้นเกรด 6  และอีกคนคือน้องสาว Net ชื่อ Nan กำลังจะขึ้น เกรด 4

ก้อต้องเรียกว่าเป็นรุ่นเล็ก เพราะตอนนี้นักเรียนที่สอนอยู่ จะอยู่ตั้งแต่เกรด 9 ขึ้น...และตั้งแต่สอนมายังไม่เคยสอนเดี่ยวเล็กขนาดนี้เลย คือ เกรด 3 ขึ้นเกรด 4...ก้อให้รู้สึกท้าทายพอสมควร

การสอนเด็กเล็ก เด็กโต มีความแตกต่างกัน คือเด็กโตปัญหาคือจะเป็นเรื่องเนื้อหาซึ่งจะลึกและยากขึ้น  โดยตัวนักเรียนมักไม่มีปัญหา เพราะเด็กตั้งใจจะมาเรียนอยู่แล้ว นอกจากบางคนที่ดื้อ หรือไม่เชื่อฟัง  อันนี้ก้อเป็นอีกปัญหาหนึ่งซึ่งต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเด็ก...

ส่วนเด็กเล็ก  ความยากไม่ได้อยู่ที่เนื้อหา แต่จะอยู่ที่ว่า เราจะทำอย่างไรให้เด็กสามารถนั่งเรียนได้อย่างต่อเนื่องถึง หนึ่งชั่วโมง แบบเด็กไม่เบื่อ ไม่งอแง...เพราะปกติสอนคุมอง ส่วนมากเด็กเล็ก junior ยุ่นจะดูคนหนึ่งไม่เกิน 15 นาที ก้อสามารถ process ให้เด็กจบได้  เต็มที่คือครึ่งชั่วโมง  แต่หนึ่งชั่วโมงเนี่ยก้อไม่หมูนะเนี่ย...และก้อบอกตรงๆว่า ยังไม่เคยเลย  และไม่ค่อยมีโอกาสได้สอนเด็กเล็กเท่าไหร่นัก....

นอกจากนี้น้องแนนเป็นเด็กที่เกลียดวิชาเลขมากๆ  เค้าบอกว่า I hate math!!!  แหม..เล่นไม่ให้กำลังใจครูยุ่นเลย  และยิ่งวันใกล้เรียน แนนก้อยังบอกว่าแนนไม่พร้อมที่จะเรียน...5555  แต่นี่ก้อคือโจทย์ที่ท้าทายสำหรับคนเป็นครูว่าเราจะทำอย่างไรให้เด็กคนนึงสามารถนั่งเรียนได้ต่อเนื่อง และที่สำคัญเราต้องพยายามเปลี่ยนทัศนคติต่อวิชาเลขของเค้าให้ได้...

ก่อนอื่น  คงต้องขอพูดถึงน้องขิมกะน้องขวัญก่อน  สองแฝดนี่ น่ารัก ไม่มีปัญหา  เพราะรู้มาสักพักใหญ่ๆแล้วว่าต้องมาเรียนกะครูยุ่น  ก้อมีการเตรียมใจมาระดับนึง  เวลาเรียนก้อแยกกันเรียน และทั้งสองสาวค่อนข้างตั้งใจเรียนมาก  มีความน่ารัก มีวินัยในตัวเองพอสมควร  จึงทำให้การสอนในวันแรกของยุ่นผ่านไปค่อนข้างดี...happy ทั้งครูทั้งนักเรียน....^^

ลูกศิษย์รุ่นจิ๋วสุด...น้องแนน...ก้อเป็นอะไรที่ตอนแรกยุ่นก้อหวั่นๆอยู่  เพราะทั้งคุณพ่อคุณแม่ก้อบอกว่าแนนไม่ชอบเลขเลย  รวมทั้งเจ้าตัวเวลาพูดถึงการเรียนเลขก้อทำหน้าไม่ happyอย่างเห็นได้ชัด... คุณพี่ net ก้อบอกว่าท่าทางอายุ่นจะเจอศึกหนัก  หนูไม่แน่ใจว่าแนนจะนั่งเรียนกะอายุ่นได้มั้ย... และทุกครั้งที่ป้าต้อยบอกว่าใกล้จะได้เรียนกะครูยุ่นแล้ว แนนก้อจะทำหน้าแบบประมาณ..หน้าเบ๊..หนูไม่อยากเรียนเลยอ่ะ!!!  >.<

เมื่อวาน..ก้อเลยทำให้ครูยุ่นต้องเตรียมรับศึก...ความยากอยู่ที่ว่า ยุ่นต้องทำให้แนนสนใจในการเรียนให้ได้นานถึง 60 นาที  เวลาที่ให้แนนทำอะไร เค้าต้องยินยอมที่จะทำ  ไม่งอแง  หรือหากงอแง  เราก้อต้องมีวิธีพูด หรือเทคนิคที่จะทำให้แนนอยู่ในแถวในแนวที่เราวางไว้...และสอนให้ได้เนื้อหาใกล้เคียงกับเป้าหมายที่เราตั้งไว้ในแต่ละครั้ง...

เริ่มต้นมา..คุณแม่มาส่ง..ครูยุ่นก้อบอก เอ้า...แนนมานั่งเลยค่ะ     นักเรียนทุกคนจะมีที่ประจำตำแหน่ง  แนนก้ออิดออดนิดหน่อย แต่ก้อยอมนั่ง  ก้อทักทายกันนิดหน่อย สักพักคุณแม่ขอตัวออกไป ไม่อยู่ด้วย...ซึ่งยุ่นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  เพราะเด็กทุกคน..เวลาเรียนหากไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย  เค้าจะรู้ว่าเค้าต้องทำตัวอย่างไร...

น้องแนนก้อประมาณไม่อยากจะเรียนอ่ะ  ยุ่นก้อบอกอึม..เราไม่ได้เรียนเลขนะ  ไหนลองอ่านนิทานเรื่องนี้ให้อายุ่นฟังหน่อยสิค่ะ  ได้ข่าวว่าแนนเป็นคนที่อ่านหนังสือเพราะมากเลย..อายุ่นไม่เคยฟังเลยอ่ะ ...

แนนก้อเลยอ่านเรื่องที่ยุ่นหาให้ซึ่งก้อเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคณิตศาสตร์นั่นเอง  Those Amazing Elephants.  .แนนเค้าก้อแบบตั้งใจอ่านมากเลยอ่ะ            แล้วยุ่นก้อถามคำถามง่ายๆเกี่ยวกับบทความที่แนนอ่าน....

The elephant is the world's largest animal. There are two kinds of elephants. The African elephant can be found in most parts of Africa. The Asian elephant can be found in Southeast Asia. African elephants are larger and heavier than their Asian cousins. The mass of a typical adult  African female elephant is about 3600 kg. The mass of a typical male is about 5500 kg. The mass of a typical adult Asian female elephant is about 2720 kg. The mass of a typical male is about 4990 kg.

แค่น้องแนนอ่าน paragraph นี้ ก้อทำให้ยุ่นสามารถหาเรื่องคุยกะแนนได้มากมาย ทั้งเกี่ยวกับความเข้าใจทางภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ ก่อนที่จะนำเข้าสู่เนื้อหาที่เราต้องการ...และทำให้เราได้รู้พื้นฐานความเข้าใจทางภาษา  และคณิตศาสตร์ของแนนด้วย....

และเราก้อค่อยๆสอนไป  แนนเค้าก้อแบบ feel comfortable นะ  ไม่ต่อต้าน ยุ่นให้ทำอะไร เค้าก้อทำ  แต่อาจจะแบบมีนิดนึง  แต่พอเราพูดอีกครั้ง เค้าก้อทำโดยไม่งอแง...และขณะที่สอนยุ่นเองก้อต้องดูอารมณ์เด็ก  และแก้สถานการณ์ตามความเหมาะสม  บางครั้งเริ่มเห็นแนนเบื่อ  ก้อต้องเปลี่ยนเป็นเล่นเกมส์กัน  ผลัดกันถาม ผลัดกันตอบ  มีการให้คะแนนกันด้วย  ใครชนะจะได้เป็นครู...มีการใช้เครื่องมือบางอย่างมาช่วยในการสอน  เช่นเครื่องคิดเลข...ไม้บรรทัด....ก้อต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธตลอดเวลาเลยแหละ  เพื่อที่จะทำให้แนนสามารถเรียนรู้และสนใจให้ได้มากที่สุดในเวลา 60 นาทีนี้....

พอถึงเวลา...คุณแม่ก้อมารับตรงเป๊ะเลยค่ะ  ปรากฎแนนโบกไม้โบกมือบอก ไม่เอา ไม่เอา ยังไม่กลับ ยังเรียนไม่เสร็จ...ยุ่นก้อเลยบอกต้องให้คุณแม่เข้ามารอข้างในนะค่ะ...จากนั้นยุ่นก้อคุยเรื่องการบ้านที่จะให้แนนทำในแต่ละวัน....แนนก้อถามว่าแนนต้องมาเรียนเลขทุกวันหรือเปล่า...ขณะที่ถามเนี่ย  หน้าระรื่นเลยนะ....คำถามนี้เล่นเอายุ่นเองก้องง...และคิดแบบเข้าข้างตัวเองนิดนึงว่าสงสัยแนนเริ่มอยากมาเรียนเลขกะเราหละ...อย่างนี้..น่าจะเรียกว่าสัญญาณบวกนะเนี่ย!!!  ก้อแอบดีใจลึกๆนะ..^^

สำหรับยุ่น..การได้สอนนักเรียนหลายๆระดับ เล็กบ้าง โตบ้าง ก้อจะมีปัญหาหลากหลายที่เราต้องเจอ ต้องแก้ปัญหา  ซึ่งก้อหลากหลาย  แล้วแต่แต่ละกรณีไป  และคงต้องบอกว่าเด็กนักเรียนทุกๆคน คือครูชั้นดีของยุ่นจริงๆ.....เพราะหากเรามีความสามารถทางวิชาการ  แต่เราไม่มีวิธีการในการที่จะถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้เด็ก...มันก้อไม่เกิดประสิทธิผล  หรือหากเรามีแต่เทคนิค แต่เราไม่มีวิชาการที่จะให้นักเรียน  มันก้อไม่มีประโยชน์อย่างแน่นอน.....เพราะฉะนั้น...การประยุกต์ใช้ศาสตร์และศิลป์ในการสอนนักเรียนนั้น  มีความสำคัญมากในอาชีพของการเป็นครู...