Thursday, September 5, 2013

การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด...

เมื่อวานลูกชายกลับจากทำงานที่สนามบินประมาณ 3 ทุ่มกว่า  เค้าก้ออาบน้ำทำเรื่องส่วนตัวเสร็จ  ก้อออกมานั่งคุยเล่นกะยุ่น...

ยีน :  แม่...หากครั้งนี้ที่แม่จะกลับไทยไปเปิดโรงเรียนเอง  แม่ต้อง treat ลูกน้องแม่ดีๆนะ

ยุ่น:  อึม..มีอะไรแนะนำแม่บ้าง...ไหนบอกหน่อยสิ..

ยีน:  แม่ต้องมีความยุติธรรม  อย่าลำเอียง...พูดจากะลูกน้องดีๆ  ใช้เหตุผลอย่าใช้อารมณ์  และไม่ใช่ว่าคิดว่าเราเป็นนายจ้าง จ่ายตังส์เค้า  เราจะทำไงก้อได้  แม่ต้องเลี้ยงเค้าด้วยใจ  เหมือนเค้าก้อเป็นส่วนนึงที่ทำให้ธุรกิจของแม่เติบโตได้  แม่ต้องทำให้เค้ารักบริษัทแม่เหมือนที่แม่รักนะ...

ยุ่น: ( ฟังแล้วอึ้งเล็กน้อย แต่ก้อแอบอมยิ้มในใจ ) อึม...แม่จะพยายามทำให้ดีที่สุด  มีอะไรแนะนำอีกมั้ย

ยีน: และที่สำคัญอีกอย่าง กับพวกเด็กนักเรียน..ทุกคนเลยนะแม่  ขอเน้นว่าทุกคน  แม่ต้องชมเด็กๆนะ  อย่าดุหรือว่าเค้าหากเค้าทำเลขผิดเยอะ  สมมติพอเค้าแก้งานเสร็จ  ทั้งๆที่ผิดเยอะ ก้อให้ชมเค้า good job ...well done  อะไรก้อว่าไป แบบเป็นภาษาไทยอ่ะ  ยีนบอกเพื่อนๆ assistant ทุกคนที่เคยเรียนคุมอง  พวกเค้าบอกใช่..ตอนที่มิสติงหรือครูชมแบบนี้ หัวใจพวกเราพองโตเลย  เพราะยีนก้อเป็น  ตอนแม่ชม ยีนรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น... พวกเค้ากะยีนก้อจะชมเด็กๆเวลาเราตรวจงานเค้า....อันนี้สำคัญนะแม่...อย่าลืมคิดถึงหัวใจเด็กๆนะ..

ยุ่น:  อึม...ขอบคุณค๊าบ...จะรับไว้พิจารณาและทำตามค๊าบผม...5555

ยุ่นก้อนั่งฟังและให้เค้าออกความคิดเห็นในส่วนของเค้าให้เต็มที่  สิ่งต่างๆที่ยีนพูดทั้งหมด  เกิดจาก  2 ปีที่เค้าได้ทำคุมองกับมิสติงประมาณ 3 เดือน และที่เหลือจนถึงตอนนี้เกือบ 21 เดือน และเดือนหน้า  ยีนกำลังจะยื่นใบลาออกจากการเป็นพนักงานคุมอง...

สำหรับยุ่น...ตั้งแต่ยุ่นทำกับมิสแรน  ยุ่นเองก้อมีความรู้สึกไม่แตกต่างจากพนักงานคนอื่นๆ คือไม่รักองค์กรเท่าไร  ทำไปวันๆ  และลึกๆก้ออยากลาออก  เพียงแต่ยุ่นเองก้อใกล้กลับไทยแล้ว  การลาออกแล้วหางานคุมองศูนย์ใหม่  มันไม่ fair เท่าไร สำหรับคุมองที่ใหม่ที่เราจะไปทำ...เพราะเราอาจทำกะเค้าแค่ 5-6 เดือน  แล้วเราก้อต้องไป...แล้วเค้าก้อคงเซ็งและสียความรู้สึก.. ฉะนั้น ยุ่นจึงอดทนและอดทน...

มิสติง..ตลอดเวลา 3 ปีที่ยุ่นทำกะเค้า มีเหตุการณ์รุนแรงที่เค้ากระทำต่อยุ่นครั้งนึง และเมื่อเค้ารู้ว่าเค้าผิด แม้ว่าเค้าจะไม่ขอโทษยุ่นทางวาจาโดยตรง  แต่การกระทำนั้น เค้าทำให้ยุ่นรู้ว่าเค้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเค้าก้อดีกับยุ่นมากๆ  จนถึงทุกวันนี้แม้ว่ายุ่นจะไม่ได้ทำงานกับเค้าแล้วก้อตาม

มิสติง..ทำแบบนี้กับลูกน้องคนอื่นๆด้วย  คือมิสเป็นคนที่ยุติธรรม ไม่มีการลำเอียงกับลูกน้อง ผิดก้อว่าผิด เป็นคนที่ fair กับลูกน้อง  เนื่องจากมิสใช้ระบบแบบ honor system ให้เด็กเขียนลงเวลาทำงานตามที่ตัวเองทำจริง...จะเขียนเท่าไรก้อเขียนไป  ชั้นไว้ใจพวกเทอ...และยื่นใบเวลาทุกสิ้นเดือน  เมื่อเด็กทำงานเสร็จ จะออกจะกลับก้อขึ้นกับเด็ก ไม่เคยไล่ลูกน้องให้รีบรีบกลับหลังเสร็จงาน  ซึ่งปรากฎว่ามีเด็กมากมาย ลืมส่งใบเวลา  จนมิสต้องเป็นคนมาตามว่าจะเอาเงินค่าจ้างมั้ยเนี่ย  ชั้นติดเทอหลายเดือนแล้ว.. และเวลาครูผู้ช่วยจะกลับบ้าน say goodbye กะมิส  มิสจะ thank you ทุกๆคน  แบบเป็น culture ของมิสติงเลย   .และทุกสิ้นปี มิสจะรวมพลลูกน้อง  เลี้ยงอาหารช่วงคริสมาสเพื่อให้รางวัลกับทุกๆคน  และทำให้เด็กๆมีเวลาสังสรรค์  พักผ่อนร่วมกัน...

แต่หากเราดูในเรื่องระบบการทำงาน  เนื่องจากมิสติงเป็นคนรุ่นเก่า  อายุมิสก้อ 65 แล้ว ฉะนั้นมิสจึงทำงานแบบแนว manual เป็นส่วนใหญ่  ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์เข้ามามากมาย   และการทำงานไม่ค่อยมีการกระจายงานออกไปเท่าไร  มิสจะส่งงานให้คนที่ไว้ใจเท่านั้น  ซึ่งจะมีเพียง 2-3 คนในศูนย์  ซึ่ง 2-3 คนนี้จะเหนื่อยมากหน่อย  แต่มิสก้อให้ค่าตอบแทนที่สูงกว่าคนอื่นๆ...

ส่วนมิสแรน..เป็นคนที่ทำทุกสิ่งอย่างเป็นระบบ  ซึ่งในช่วงแรก ผู้ช่วยทุกคนจะรู้สึกว่าดี มีระบบ  มิสแรนเปลี่ยนระบบใหม่ทุกอย่าง ซึ่งบางเรื่องก้อเป็นสิ่งที่ดี  การเข้างานใช้การเช็คชื่อเข้างาน โดยทุกคนต้องไปเช็คชือเข้า และออกจากงานที่โต๊ะคอม...แต่สิ่งหนึ่งที่มิสแรนเค้าแตกต่างจากมิสติงคือ  เค้า treat ลูกน้องแบบลูกจ้างจริงๆ  คือใช้งานเสร็จ ตามเป้าหมาย  จะไล่ให้ลูกน้องรีบกลับบ้าน ไปเช็คชื่อด่วน  หากวันไหนต้องการความช่วยเหลือ  ก้อบอกให้ช่วยถึงเวลานั้นเวลานี้  หากวันไหนไม่มีงานก้อไล่ลูกน้องบอกวันนี้เสร็จ ให้รีบเช็คชื่อออก...

คราวนี้...ไอ้คนที่ถูกกระทำ มันก้อไม่ happy เป็นธรรมดา  ยุ่นเอง เคยเจอครั้งหนึ่งกับตัวเอง สะอึกเหมือนกัน  ครั้งนั้น  งานตรวจเยอะมาก  ครุผู้ช่วยก้อช่วยกันตรวจอย่างขะมักเขม้น  ปรากฎไม่มีคนไป key ข้อมูล  ช่วงนั้นยังเป็นช่วงแรกๆ สัก 3 เดือนแรกที่มิสเข้ามา  วันนั้นครูผู้ช่วยที่อยู่  ส่วนมากยังไม่เคย key คอม...ยุ่นก้อเลยคิดทำไงเนี่ย  เราไป key ก้อแล้วกัน  เพราะไม่งั้น ตรวจเสร็จไม่ key ก้อยังกลับกันไม่ได้  ยุ่นก้อนั่ง key แต่เนื่องจากยุ่นเพิ่งทำไม่กี่ครั้ง ความคล่องจึงยังไม่เกิด  แต่มันก้อค่อยๆดีขึ้น ปรากฎ มิสแรนเค้าเห็นเรา key เค้าพูดว่า สุวรรณี เทอไม่ต้อง key ให้คนอื่นทำ เทอไปทำงานตรวจดีกว่า  เด๋วชั้นกลับบ้าน key เอง คือน้ำเสียงที่เค้าพูดแบบเชิงตำหนิเราว่าทำไมมาทำงานที่ตัวเองไม่คล่อง  ชั้นจ่ายเงินเทออยู่นะ....ไม่รู้นะ  ยุ่นรู้สึกได้... อารมณ์ตอนนั้นคือเรารู้แล้วว่า เค้าไม่พอใจเรา....แต่ใจเราไม่ได้คิดแบบเค้า คือเราอยากให้งานทุกอย่างจบ  และยุ่นก้อคิดว่ายุ่นก้อนั่งทำงาน ไม่ได้นั่งอู้... และหากให้เวลาเรานิดนึง เราก้อสามารถ key ได้เร็วขึ้น คืองานพวกนี้มันเป็น skill...แต่เนื่องจากเค้าเป็นคนที่ค่อนข้างงกกะลูกน้องมาก....ยุ่นก้อเลยบอกตัวเองว่า..เราต้องรู้ว่าเราควรจะอยุ่ตรงไหน...นับจากนี้

ขนาดยุ่น..ซึ่งเรียกว่าเค้าเกรงใจสุดแล้วยังเจอขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ซึ่งเค้าคิดว่าเป็นแค่ marker เค้าจะ treat แบบไม่เกรงใจเลย  เรียกว่า team work เก่าทั้งหมดของมิสติงที่เคยอยู่กะมิสติงมาเป็นเวลา 6-7 ปี  ไม่ลาออก..เมื่อเดือนที่แล้ว  จะว่าไปก้อคล้ายๆนัด เพราะเด็กๆคงคุยกัน  ออกกันยกทีม 5 คนรวด  แต่เค้าก้อแจ้งล่วงหน้า 2 อาทิตย์นะ  มิสไม่แคร์รับผู้ช่วยใหม่เข้ามาสำรองอีก 10 คน...มิสบอกหา marker ไม่ยากหรอก เรื่องเล็ก...ใครใครก้ออยากทำ...

และเดือนหน้าลูกชายยุ่นกะแฟนเค้าก้อจะลาออกเช่นกัน  ก้อด้วยความที่เค้าทนกับความไม่ fair และการกระทำหลายๆอย่างไม่ได้  ยุ่นไม่ว่าเค้านะ  เพราะยุ่นก้อเห็นในสิ่งนั้นด้วย  มิสเค้าไม่ชอบเด็กผู้ชาย เค้าจะชอบเด็กผู้หญิงมากกว่า  และคนที่ทำประโยชน์ให้เค้ามากกว่า  เด็กผู้ชายเค้าจะให้ตรวจงาน ยกของ ดูดฝุ่นทำความสะอาด  เด็กผู้หญิงเค้าจะให้ทำงานพวกคอมพิวเตอร์  โทรศัพท์ และงานพวก office อ่ะ  นอกจากนี้  นิสัยที่มิสเป็นมากคือเมื่อได้ในสิ่งที่ตัวต้องการ  จะรีบบอกเด็กเลยว่า เสร็จแล้วรีบไปเช็คชื่อออกเลยนะ  แบบว่า ไม่มีศิลปะในการบริหารเลยอ่ะ... ไม่ concern ความรุ้สึกของลุกน้องเลย...

ตอนนี้ออกกฎใหม่คือ คนที่เข้างานก่อนเช่น 3 ครึ่งช่วง 6 ครึ่งเตรียมตัวเก็บงาน  ให้แค่ 7 โมง หากอยู่ต่อไม่จ่ายเงิน  คนเข้า 4 โมง ช่วยได้ถึง 7:30 และจ่ายแค่นั้น  งานเหลือหลังจากนั้นเค้าจะให้งานผู้ช่วย 2คนเท่านั้นที่ยังคงตรวจงานต่อ  นอกนั้นกลับได้  แต่ไงอ่ะ  ใครจะอยากเป็นไอ้สองผู้ช่วยนั้น  ที่ตรวจงานกองโตเพียง 2 คน  ในขณะที่เพื่อนๆกลับหมด  และเค้าก้อหิวข้าวด้วย...ซึ่งหากเราให้เด็กๆช่วยกัน  งานจะเสร็จไวกว่า ผู้ช่วยเองก้อรู้สึกดี  เป็น team work  และไม่ได้ถูกทิ้งให้ทำงานมากมายเพียงลำพัง  เพราะอย่าลืมว่าเวลาที่เค้าต้องทำต่อคือถึงดึก   เด็กๆก้ออยากกลับบ้านไปกินข้าว พักผ่อน...

และยุ่นก้อได้ข่าวว่าจะมีอีกคนออกเช่นกัน  หากคนนี้ออก ก้อเรียกว่าหมดทีมของมิสติง อ๋อ เหลืออีกหนึ่งคน ซึ่งมิสแรนเค้าชอบมาก  เค้าให้ดูแลงานด้านคอมพิวเตอร์ทั้งหมด  และไว้ใจมาก  เด็กคนนี้ก้อเรียกว่ารู้งาน  คือยุ่นก้อสังเกตุ  เค้าจะไม่ตรวจงานเลย และจะทำตัวเองให้ยุ่งๆตลอด....ยุ่นเคย key งานในวันเสาร์กับเค้า ทำคนละเครื่อง  เค้าทำช้ากว่ายุ่น   และเค้าจะค่อยๆทำงานไปเรื่อยๆ  ไม่มีการพะวงเรื่องเวลา  เพราะมิสแรนบอกเค้าว่าของเค้า unlimited  ขนาดของยุ่นมิสยังบอกเลยกี่โมงก้อกลับได้แล้ว... แต่ก้อนั่นแหละ  ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่นต้องไปบอกใคร  ให้มิสเค้ารับรู้ด้วยตัวเค้าเองจะดีกว่า...

และมิสแรนไม่เคยที่จะคิดพาครูผู้ช่วยไปกินข้าว แต่ก้อยังดีที่มีสั่ง พิซซ่ามาเลี้ยงช่วงที่ train  แต่เค้าไม่เคยมีความคิดจะพาออกไปกินนอกสถานที่...เพื่อสังสรรค์นั่งคุยกะครูผู้ช่วย....

อึม..มีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งยุ่นว่า เป็นอะไรที่ทำให้เราเห็นความใส่ใจในตัวลูกน้องที่แตกต่างกันของมิสทั้งสองคือ  การจ่ายเงินค่าจ้าง มิสติงพอสิ้นเดือนเด็กทุกคนส่งใบเวลาให้มิส จากนั้นครั้งต่อไป ซึ่งก้อคือขึ้นเดือนใหม่ แบบต้นเดือนเลย  มิสจะจ่ายเช็คให้ทันที  หรือหากมิสติงจะต้องไม่อยู่  พักร้อนในอาทิตย์แรกของเดือน  มิสติงจะเอาสมุดเช็คมาที่ศูนย์  และจ่ายในวันสุดท้ายวันนั้นเลย  นี่คือสิ่งที่ยุ่นเห็นตลอดสามปีที่เป็นลูกน้องมิส....และหากมิสจะให้ยุ่นไปซื้อของอะไรของที่ศูนย์  ซึ่งน้อยมาก แค่สองครั้ง เค้าจะให้เงินสดยุ่นมาก่อนเลย   เหลือเท่าไร ก้อทอนมาพร้อมใบเสร็จ

ส่วนมิสแรน  คือยุ่นไม่แน่ใจว่า เค้าไม่ concern หรือเค้า organized ไม่ดี  หรือนั่นคือระบบของเค้า  คือเค้าจะให้ลูกน้อง check in - check out ในคอมอยู่แล้ว  ฉะนั้นทุกอย่างก้ออยู่กับเค้า  แต่การจ่ายเงินนั้น  ช้ามากๆ  คือตอนแรกๆที่ทำ  ยุ่นก้องงว่า..เอ..ทำไมผ่านไปอาทิตย์แรกของเดือนใหม่ยังไม่จ่ายเงิน  เค้าจะจ่ายประมาณวันที่ 8-9 ของเดือนใหม่  โดยจ่ายเป็นเช็ค  แต่ช่วงหลังเค้าจะจ่ายแบบเข้าบัญชีในธนาคารให้ลูกน้องเลย  ทีแรกยุ่นก้อคิดว่าสงสัยน่าจะเร็วขึ้น  แต่ปรากฎเท่าเดิม คือวันที่ 8-9 ของเดือนใหม่...ซึ่งสำหรับยุ่น..ตอนยุ่นเป็นนายจ้าง ยุ่นก้อไม่ได้ทำแบบนี้  ยุ่นจะจ่ายภายในสิ้นเดือน หากช้าที่สุดก้อไม่เกินวันที่ 1 ของเดือนถัดไป  เพราะลูกน้องเราเค้าทำงานให้เราล่วงหน้า 1 เดือนแล้ว  ยุ่นคิดว่าเราเองเหมือนได้งานมาก่อน  พอหมดเดือนเราก้อต้องรีบเคลียร์ให้เค้า...

อีกเรื่องซึ่งยุ่นจะอึดอัดมากๆคือเวลาที่มิสแรนให้ยุ่นไปซื้อของเข้าศูนย์ หรือไปปั๊มกุญแจให้เค้า    เค้าจะให้ยุ่นออกเงินไปก่อน เพราะเค้าบอกว่าเค้าไม่มีเงินสด  เวลาจะให้เราทำอะไร เค้าก้อพูดย้ำอยู่สามสี่รอบ  สุวรรณีอย่าลืมนะ อย่าลืม  เราไม่มีกุญแจสำรองแล้ว  แต่พอเรารีบทำมาให้ พร้อมใบเสร็จ  เค้ากลับนิ่ง  นิ่งจริงๆ  เงียบไปประมาณหนึ่งอาทิตย์  จนเราคิดว่าเค้าลืมหรือเปล่า เพราะเค้ายุ่งๆตลอด  คือเค้าไม่พูดเลยจนเราต้องเป็นคนถามว่าค่ากุญแจคุณไม่ลืมใช่มะ...ประมาณนั้น  แบบอึดอัดมากเลยอ่ะ  และเป็นทั้งสามครั้งที่ยุ่นไปปั๊มกุญแจ   ไม่เข้าใจจริงๆ..หลังจาก remind เค้า  ครั้งหน้าเค้าจึงจะเอาเงินมาคืนให้   ล่าสุด...คืนยุ่นเป็นเช็ค  ยุ่นก้องง  เราออกไปเป็นเงินสด  ทำไมคืนเป็นเช็ค  ประมาณ 17 เหรียญ  ค่าเช็คที่นี่ก้อประมาณใบละ เหรียญมั้ง  เรางงว่าจะคุ้มเหรอ  แต่เค้าบอกมันเป็นค่าใช้จ่ายในบริษัทเค้า...

นอกจากนี้ ยีนเองคงเห็นเด็กนักเรียนที่ศูนย์ suffer กับงานที่มิสแรนให้มาก  เนื่องจากงานแก้เยอะ งานที่ต้องทำในแต่ละวันก้อมาก  เด็กก้อร้องไห้กันเยอะขึ้น เค้าจึงเตือนยุ่นให้ระวังในสิ่งเหล่านี้หากจะไปทำโรงเรียน  ซึ่งก้อต้องถือว่าเป็นคำแนะนำที่ยุ่นมองข้ามไม่ได้...

ยีนพูดอีกประโยคหนึ่งซึ่งยุ่นประทับใจเค้ามาก  เค้าบอกว่า ยีนเองอาจไม่ได้ทำงานกับมิสติงนาน  ยีนก้อไม่รุ้นะว่าจริงๆมิสติงเป็นอย่างไร  แต่ยีนคิดว่านะ  พวกครูผู้ช่วยที่ทำงานกับมิสติงมาเป็นเวลาถึง 6-7ปี บางคนแม่บอกเป็น 10 ปี  มิสคงต้องมีอะไรที่ผูกใจเด็ก  แต่มิสแรนมาเพียง 2 ปี  ผู้ช่วยของมิสติงที่อยู่กันมายาวนานออกหมดทั้งทีม แต่เค้าเองก้อยังไม่พิจารณาตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับศูนย์เค้า   สำหรับยีน หากคุณมีกิจการใหญ๋โต ร่ำรวย แต่ไม่มีลูกน้องที่รักคุณ ที่คุณสามารถไว้ใจได้  คุณก้อต้องทำงานของคุณไปแบบเหนื่อยๆอย่างนี้เพื่อเงินตัวเดียว  หาลูกน้องใหม่ไปเรื่อยๆ   เพื่ออะไร   บริษัทแบบนี้ยีนไม่อยากทำด้วย   และหากยีนเป็นเจ้าของ  ยีนก้อไม่อยากมีบริษัทที่ไม่มีลูกน้องรักเลย...

และนี่ก้อเป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งที่ลูกชายยุ่นได้จากการทำงานที่คุมอง  การที่เราเจอนายจ้างที่ไม่ดี  ก้อได้สอนและให้มุมคิดกับเราเช่นกัน อะไรที่เราไม่ชอบ เราเคยถูกกระทำ... เราก้ออย่าทำเหมือนเค้าณ. วันที่เราต้องอยู่ในจุดของเค้า...  ...ในดีมีไม่ดี  และแน่นอนในไม่ดีก้อมีสิ่งที่ดี

Wednesday, September 4, 2013

ครูตัวจริง

ช่วงปิด summer ยุ่นได้มีโอกาสสอนเด็กเล็ก 3 คน  กำลังจะขึ้นเกรด 4 หนึ่งคน และกำลังจะขึ้นเกรด 6 สองคน  ด้วยความคิดที่เปลี่ยนไป หลังจากได้สอนพิเศษเด็กแบบเดี่ยวๆ  และยุ่นไม่เชื่อใน concept ของคุมองว่าต้องทำบวกอย่างเดียวจนคล่อง แล้วลบอย่างเดียว แล้วคูณ.....แล้วหาร...ยุ่นเลยลองประยุกต์หลักการตามความคิดและประสบการณ์ที่เราได้ดูนักเรียนมา...แต่ก้อยังคงใช้หลักการที่ว่าต้องเริ่มจากพื้นฐานง่ายๆ  และค่อยๆยากขึ้นวันละนิดวันละหน่อย...( อันนี้หมายถึงในเด็กโต  ที่ได้เรียนการบวก ลบ คูณ หารมาจากโรงเรียนแล้ว หากเด็กเล็กๆ..ก้อคงต้องเข้าทีละทักษะ)

แนน  เกรด 4  จากเริ่มต้นจะบวกได้ค่อนข้างดี แต่การลบไม่คล่อง และสูตรคูณไม่ได้  ยุ่นจะให้ทำไปพร้อมๆกันทุกวัน โดยให้การบ้านฝึกการบวกที่คล่องอยู่แล้ว  และให้ทำลบด้วยโดยเริ่มจากง่ายๆ  นอกจากนี้เด็กต้องท่องสูตรคูณแบบเขียนออกมาทุกวัน  และเป็นการเขียนแบบ random ร่วมด้วย

ขิม &ขวัญ ก้อเช่นกัน บวกโอเค แต่ลบจะสู้บวกไม่ได้  สูตรคูณก้อไม่คล่องเช่นกัน  การบวกลบเลขจะต้องเขียนทด เขียนยืม สูตรคูณประมาณถึงแม่ 4  หารทำไม่ได้ มีปัญหา ไม่เข้าใจ  ยุ่นก้อให้การบ้านรวมมิตร โดยแก้ตามจุดอ่อนของเด็กแต่ละคน  บวกให้ทุกวัน และมีสลับลบ  เด็กต้องดูเครื่องหมาย  ช่วงแรกให้งาน...เด็กยังเขียนทดยืม  แต่พอเราดูว่าเค้าเริ่มเข้าที่  ยุ่นก้อสอนให้เค้าลองคิดในใจ ไม่เขียนทดยืม  สูตรคูณทุกวัน ค่อยๆเพิ่มวันละ 1 แม่ จนครบ 9  และ random ด้วย...

ผลที่ออกมา สำหรับยุ่น ยุ่นค่อนข้างพอใจนะ  น้องแนนเห็นผลไม่ชัด เพราะเรียนไม่ต่อเนื่อง   ช่วงกำลังเริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้น    แนนหยุดเรียนติดต่อกันสองอาทิตย์   เลยไม่ได้ให้การบ้านประมาณ  10 วันทำให้สัปดาห์สุดท้ายเห็นภาพไม่ชัดเจน

แต่ขิมกะขวัญเรียนต่อเนื่อง ไม่หยุด  มาสัปดาห์ละ 1 วันเหมือนแนน  แต่ยุ่นให้การบ้านเพื่อปรับพื้นฐานแต่ละคน ซึ่งเด็กๆจะทำการบ้านอย่างเคร่งครัด น่ารักมาก  ผลที่ได้ค่อนข้างชัดเจน  ขนาดตัวเด็กเอง ยังรู้สึกได้เลยว่าเค้าคิดเลขได้เร็วและแม่นยำมากขึ้น  รวมทั้งสามารถคิดในใจได้อย่างสบายๆ  ทั้งๆที่ทีแรกมา คิดช้า และเขียนทดด้วย...

สูตรคูณ เอาการกันจนคล่อง  พอยุ่นเริ่มมั่นใจ  ก้อสอนหาร  ปรากฎว่าขิมและขวัญสามารถทำหารได้อย่างสบายๆ  เทียบกับตอนแรกที่มา ให้สอบ หารทำไม่ค่อยได้  แต่พอสูตรคูณแม่น  บวกลบแน่น  หารก้อเป็นเรื่องไม่ยากเกินไปสำหรับเด็กๆ...


ยุ่นคิดว่าการที่เราให้เด็กฝึกหลายๆทักษะนั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการฝึกให้เด็กต้องดูเครื่องหมาย ต้องมีความรอบคอบ  ต้องมีการเปลี่ยนหัวบ้าง ไม่ใช่ทำตามเคยชินเท่านั้น  อย่างเช่นเด็กคุมองเวลาบวกก้อจะบวกแหลก  ลบก้อแบบลบเพลินจนลืมบวก  พอคูณก้อคูณจนลืมลบ  เพราะคูณใช้ทักษะบวกด้วย  พอหารก้อหารกันจนลืมเรื่องคูณอะไรประมาณนี้  ซึ่งยุ่นว่าอย่างเด็ก grade 6 เค้าก้อทำได้ทุกทักษะอยู่แล้ว เพียงแต่หากอันไหนด้อย เราก้ออาจเสริมให้มากหน่อย  แต่ควรไปพร้อมกันทุกทักษะ  ซึ่งจากการทดลองให้งานเด็กแบบนี้  ยุ่นว่า work กว่าของคุมอง  เพราะเปรียบเทียบกับนักเรียนคุมองที่เรียนที่ศูนย์ เช่นเด็กอยู่ เกรด 5 เกรด 6 ทำบวกอย่างเดียว  บางทีก้อมีทำเป็นคูณ  หรือพอทำไปนานๆ  เข้าเรื่องลบ เด็กจะชะงักงันอย่างแรง.  ไปไม่ถูก ทั้งๆที่เค้าก้อเรียนมาจากโรงเรียนแล้ว..ประมาณเหมือนการสลับสับเปลี่ยนหัวจะช้าพอควร...

และที่สำคัญ ยุ่นไม่ได้เน้นเรื่องการจับเวลาเหมือนคุมอง เพราะยุ่นต้องการให้เด็กทำงานให้เรียบร้อยและที่สำคัญคือการแสดงวิธีทำ  วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ต้องการความเรียบร้อย  ไม่ใช่ไก่เขี่ย  หากการเริ่มต้นเป็นแบบไม่เรียบร้อย การเปลี่ยนนั้นจะยากมากๆ...และการแสดงวิธีทำคือคะแนนและตัวบ่งชี้ว่าเค้าเข้าใจในแต่ละเรื่องมากน้อยแค่ไหน มากกว่าเน้นที่คำตอบเท่านั้น  ยุ่นว่านะ เวลาที่เราจับเวลา จะทำให้เด็กไปสนใจแต่เวลา และลืมเรื่องความเรียบร้อย ความรอบคอบในการทำงาน การแสดงวิธีทำ    ในความเป็นจริงเวลาสอบ  เวลาที่เค้ากำหนด  ก้อไม่ได้แบบกดดันเด็กขนาดนั้น  คือมันเป็นเวลามาตรฐาน  ฉะนั้นจึงไม่ใช่แค่ความเร็ว  และความถูกต้องก้อเป็นสิ่งที่นักเรียนไม่ควรมองข้ามเช่นกัน...

และจากการสังเกตุ ขิม และขวัญในการคิดเลข  ไม่แพ้เด็กคุมองเลยในเรื่องความเร็ว  แต่เราได้เห็นความเรียบร้อยในการทำงาน  และความถูกต้องมากกว่ามาก...

หากเด็กมีวินัยในการทำการบ้าน ฝึกฝนสม่ำเสมอ ตั้งใจทำงาน  เค้าจะสามารถคิดเลขได้คล่องแคล่วและแม่นยำโดยธรรมชาติและอัตโนมัติ  เราอาจบอกเค้าได้ว่า การบ้านที่เราให้ใน  1 วันเราคาดหวังให้เค้าควรทำภายในเวลาเท่าไร  เช่น 20 นาทีทุกวัน และให้เค้าพยายาม control ตัวเองให้ทำงานในเวลาที่กำหนด...

สิ่งที่ยุ่นได้นำมาปรับใช้กับเด็กนักเรียนรุ่นใหม่ๆที่เข้ามาเรียน  ส่วนมากจะเกิดจากประสบการณ์ในการที่เราเห็น สังเกตุ  และเคยเดินผิดพลาดในเด็กนักเรียนรุ่นก่อนๆ   เช่น  การสอนคุมองซึ่งไปมุ่งเน้นจับเวลาทำให้เด็กไม่มี step ในการทำงาน  พะวงแต่ความเร็ว  ทำงานไม่เรียบร้อย...ซึ่งเป็นวิธีการที่ผิดมากๆ  ยิ่งสำหรับที่นี่ แคนาดา เค้าให้คะแนนที่วิธีการในการหาคำตอบ มากกว่าคำตอบ  แต่ยุ่นเองก้อจำได้ว่าแต่ก่อนตอนเด็กๆครูยุ่นเค้ากอ้เน้นขั้นตอนในการหาคำตอบเช่นกัน  ก้อต้องเรียกว่าเราเองก้อหลงทางไปกับคุมอง  (  ซึ่งญี่ปุ่นบางครั้งเค้าอาจคิดว่าเค้ากำลังผลิตหุ่นยนต์สมองกลอยู่   และเราก้อตามเค้า เพราะคิดว่าเค้าเก่งกว่าเรา...)  โดยลืมกลับมามองสิ่งที่ดีที่เราได้เคยถูกฝึกฝนมาและนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับเราเอง ซึ่งเป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่ได้ผลเสมอ...

อีกเทคนิคหนึ่งที่ดีมากสำหรับการเรียนรู้ทุกวิชาก้อคือ การหาจุดที่ผิดให้ได้ก่อนทำการแก้ไข  อันนี้ยุ่นว่าใช้ได้ตลอดชีวิตของเราเลยอ่ะ..ไม่ใช่เพียงการเรียนเท่านั้น ในการทำงานก้อเช่นกัน.....และเราจะเห็นพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน  เมื่อเทียบกับการที่ยังไม่ได้ดูอะไรเลย เห็นว่าผิดก้อลบทันที...จะทำให้เด็กไม่เกิดการเรียนรู้เลย...

จริงๆเทคนิคเหล่านี้ก้อเป็นสิ่งที่ยุ่นเคยบอกเล่าเสมอมา  เพียงแต่วันนี้ยุ่นก้อยิ่ง confirm ว่ามันใช่ และมาถูกทาง  เพราะเราสามารถประเมินผลงานการสอนของเราผ่านตัวเด็กนักเรียน...ซึ่งแท้จริงแล้วเด็กๆก้อคือครูตัวจริง และครูที่ดีของครูทั้งหลายนั่นเอง...^^