Friday, December 31, 2010

ฤดูที่แตกต่าง... Seasons Change....






ประมาณวันที่ 21 November ที่ผ่านมา อากาศที่แวนคูเวอร์ก้อแบบหนาวมากเลย แล้วหิมะก้อตกวันสองวัน แล้วอากาศก้อกลับสู่สภาพปกติ...คือไม่มีหิมะ..แต่ความหนาวเย็นยังคงเหมือนเดิม..แต่จากติดลบขึ้นมาประมาณ 3-5 องศา ก้อเรียกว่าอุ่นขึ้น..และก้อมีฝนตลอดตั้งแต่ December เป็นต้นมา...

แต่แล้วช่วงนี้ฝนก้อไม่ตกนะ.. Sunny มาเกือบสิบวันแล้ว...แต่อุณหภูมิสิ...ลงอีกแล้ว..เมื่อกี้เพิ่งกลับจากบ้านพี่ประเวศก้อประมาณตีหนึ่ง... ออกมาเห็นรถพี่อ้อม...เกร็ดน้ำแข็งเต็มรถเลยอ่ะ...เค้าว่าอีกไม่กี่วันหิมะจะมาอีกแล้ว...มิน่า..ช่วงนี้ อุณหภูมิเริ่มจะติดลบอีกแล้ว...

ช่วง Winter ของที่นี่จะเป็นอะไรที่ยุ่นไม่ชอบมั่กๆเลย..อันแรกเลยก้ออากาศที่หนาวเย็นนี่แหละ.....แต่ก่อนตอนอยู่ไทย เวลาอากาศหนาวยุ่นจะชอบมาก คือบ้านเราหนาวก้อประมาณ 15-20 องศา...เราก้อแบบสบายๆ...และเราก้อได้ขนเสื้อหนาวเท่ห์ๆออกมาใส่

แต่พอมาเจอหนาวของจริง...ก้อได้ขนเสื้อหนาวออกมาใส่เหมือนกัน..แต่ต้องใส่หลายชั้นมาก...และไอ้ตัวที่เราว่าเท่ห์ ก้อไม่ได้ showเลย..เพราะมันจะไปอยู่ประมาณชั้นที่สองไง..และสุดท้ายก้อต้องตบด้วย overcoat ตลอดเลย...นอกจากนี้ ขอบอก...เวลายุ่นใส่เสื้อหนาวเยอะๆเนี่ย..รู้สึกเมื่อยไหล่มากเลย...ไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ย..แต่ยุ่นเนี่ย...เกลียดมากเลย...เมื่อยสุดๆ..

อย่างเมื่อวาน ฮ่งชวนไป shopping เพราะช่วงนี้ห้างจะลดเยอะไง....SALES นะ.... มันก้อยั่วกิเลสใช่มะ.....ยุ่นก้อเลือกดูเสื้อผ้าและก้อต้องลอง ...ซื้อเสื้อผ้าที่นี่ยังไงก้อต้องลอง..เพราะ size เนี่ย..หายากมาก..แล้วแบบเราดูเนี่ยดี น่าจะใส่ได้...แต่พอลองแล้วมันไม่ใช่อ่ะ... เพราะ size ฝรั่งกับเอเชียมันแตกต่างนะ...เพราะฉะนั้นต้องลอง...แน่ใจจึงค่อยซื้อ....แต่เค้าก้อมีให้คืนได้นะ หากเราไม่พอใจ..แต่ยุ่นไม่ชอบอ่ะ..คือเราต้องนั่งรถมาอีกรอบ...ก้อแบบขี้เกียจเหมือนกัน....

เสร็จ...ยุ่นก้อเลือกชุดที่เราจะลอง.....ก้อลืมตัวเนอะว่าไอ้ชุดที่อยู่บนตัวเราขณะนั้นนะก้อเสื้อสี่ชั้น..กางเกงสองชั้น...ยุ่นใส่ tight ก่อน..แล้วจึงตามด้วยยีน..เสร็จรองเท้ายุ่นก้อใส่ boots อย่างหนา...เพราะป้องกันไม่ให้เท้าเย็น...พอเราเข้าไปในห้องลอง..แม่เจ้า..เพิ่งนึกออก..ไม่อยากลองเลยอ่ะ.....กว่าจะถอดออกทั้งสี่ชั้น..รวมกางเกงอีกสอง....อ๋อ..ต้องถอดรองเท้า boots ด้วย ไม่งั้นยัดขาเข้าไปในกางเกงไม่ได้...ลองกางเกงไม่ได้...เหนื่อยสุดๆเลย..คืออ่านเนี่ยอาจรู้สึกว่ายุ่นเวอร์...แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ..

แล้วยุ่นก้อดันเอาชุดเข้ามาลองแค่สามชุด..ปรากฎตอนอยู่ในห้องลองเพิ่งนึกออกว่าน่าจะเอาเข้ามาเยอะๆ ลองให้สะใจไปเลย..เชื่อมะ..ฝรั่งเวลาลองเนี่ย..เค้าลองแบบหนึ่งคันรถเลยอ่ะ..รถ cart ในห้างแบบนั้นนะ..เค้าลองกันแบบเป็นยี่สิบสามสิบตัวเลย...เราก้อเลยเพิ่งนึกออกว่า เราเนี่ยโง่อีกแล้ว..ลืมทุกทีเลย...

และพอลองเสร็จ..ก้อใส่ไม่ได้สักชุดเลย ใหญ่เกินหมด..และยุ่นก้อต้องเปลี่ยนและใส่ไอ้เสื้อสี่ชั้น กางเกงสองชั้น รองเท้า boots กลับเข้าไปอีกครั้ง เฮ้อ..เหนื่อยมากเลยว่ะ..นี่แค่ลองชุดนะเนี่ย...ก้อแบบแยกกันเดินกับฮ่งไง....แล้วก้อไม่ได้บอกเค้าว่าเราจะลองชุด...ฮ่งก้อหายุ่นไม่เจอ...ฮ่งก้อยั๊วะมากเลย.....เค้าบอกเค้าเกือบจะไปประกาศที่ประชาสัมพันธ์แล้ว.....คือยุ่นหายไปเป็นชั่วโมง...ก้อนึกภาพสิ...กว่าจะถอดกว่าจะใส่เสร็จ...

เสร็จพอฮ่งอารมณ์ดีขึ้น พี่แกมีการบอกยุ่นอีกว่า....ลองแล้วไม่ถูกใจเหรอ..ไม่เป็นไร..ไปหาดูเสื้อชุดใหม่แล้วเข้าไปลองอีก...ยุ่นบอก..ไม่เอา..ไม่ไหวแล้ว.....ลองชุดที่นี่เสร็จก้อหมดรมณ์ซื้อเลยอ่ะ...นี่ก้อคงเป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้ยุ่นไม่ค่อยได้ซื้อเสื้อผ้าที่นี่..แบบต้องมีความพยายามสูงมากนะ....คิดอีกทีก้อดีเหมือนกัน..จะได้ประหยัดเงิน....ไม่ฟุ่มเฟือย...

กลับเข้าเรื่องอากาศหนาวเย็นอีกรอบ....เวลาหนาวเนี่ย ถ้า sunny ก้อยังพอไหว..แต่ถ้าฝนตกหรือมีลมพัดแล้วละก้อ...ไม่อยากจะบอกเลยว่า. ..โครตหนาวเลย..มันหนาวแบบเข้ากระดูกเลยอ่ะ..ทรมานมากๆ...ยุ่นว่านะการหนาวตายมันก้อน่าจะทรมานไม่น้อยกว่าการร้อนตายนะ...แต่คงทรมานคนละรูปแบบ...ร้อนก้อคงแบบแห้งๆกระหายๆ..แต่หนาวก้อคงแบบเย็นจนเข้าถึงขั้วกระดูก..เจ็บและทรมาน....ไม่อยากคิดเลย...

ยกตัวอย่าง...วันก่อนยีนไป snow board กับเพื่อนบนเขา..คือที่นี่พอเข้า winter เค้านิยมไปเล่นกัน..ยีนไปครั้งที่สอง ครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ครั้งนี้ยีนบอกเล่นมันส์มาก..แบบตอนแรกก้อมีล้ม..แต่หลังจากนั้น..สบายมากเลย ครั้งนี้เร็ว...ทรงตัวได้ดีกว่าครั้งก่อน..ยีนเล่นตั้งแต่ประมาณบ่ายสามถึงสี่ทุ่มเลยอ่ะ...ไปกับเพื่อนสองคน..เล่นกันมันส์สะใจ..แต่ชุดของยีนไม่พร้อม..เพราะเราก้อไม่ได้ซื้อให้ ทั้งชุดแบบพร้อม second hand ก้อมี 500 เหรียญ ไอ้เราก้อไม่ได้ซื้อให้ลูก..เพราะเล่นปีละครั้ง...

และคิดดู ยีนขึ้นไปบนเขาอากาศมันก้อเย็นกว่าข้างล่างแน่นอน...ติดลบอ่ะ...ยีนเอาถุงมือธรรมดาไป..น้ำแข็งมันก้อเข้าไป...นิ้วยีนตรงปลายนิ้วอ่ะ ทั้งสิบนิ้วเลยนะ....เปลี่ยนเป็นสีม่วงเลยอ่ะ..ก้อคุณยีนเล่น snow board ปาเข้าไปเกือบเจ็ดชั่วโมง...ยุ่นว่าน่ากลัวนะ..ยุ่นก้อบอกเค้าว่าถ้าไม่ไหวต้องเลิกนะ....อย่าฝืน...เพราะกลัวเป็น gangrene ยีนบอกยีนหนาวจนไม่มีความรู้สึกเลย..แล้วแบบเด็กไง..ก้อเล่นจนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น...พอเล่นเสร็จถึงได้รู้สึกตัวว่านี่ไง..รสชาติของความหนาวเย็น....

นอกจากนี้ Winter ยังเป็นอะไรที่มืดเร็วมาก..แบบสี่โมงก้อมืดแล้ว..เหมือนวันหนึ่งมีไม่กี่ชั่วโมง..ยังไม่ทำอะไรก้อมืดแล้ว...ยิ่งเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ฝนตกทุกวันเลย ทั้งมืดทั้งเปียก...เห็นอากาศเนี่ย ไม่อยากออกจากบ้านเลยอ่ะ..แล้วก้อดูเศร้าๆ...ไม่สดชื่นเลย...มิน่า..ที่นี่พอมีแดดนะ..สำหรับฝรั่ง เค้าจะชอบทักทายด้วยประโยคคลาสสิค..It's a beautiful day! ตลอดเลย...อย่างนี้ถ้ามาอยู่ไทยเนี่ย...Beautiful days all through the year!!! เลยแหละ..^^

ก้อเรียกว่า...ตอนอยู่บ้านเรา..ยุ่นก้อเจอแค่ร้อน กับร้อนมาก..แล้วก้อฝนตก..เราจะไม่ค่อยเจออากาศที่เปลี่ยนแปลง...แบบมากมาย...แต่มาที่แคนาดายุ่นได้เห็นถึงฤดูที่เปลี่ยนแปลงและแตกต่างจริงๆ..เวลา Summer ก้อแบบสดชื่น..โลกสดใสจริงๆนะ..แรกๆมาไม่ชอบ Sunny Day นะ แต่เดี๋ยวนี้เวลาดูพยากรณ์ว่าพรุ่งนี้ Sunny Day ยุ่นก้อยังชอบเลย.. "In summer, the song sings itself."


พอหมด Summer ก้อเข้าฤดูใบไม้ร่วง..มันก้อเริ่มเย็นนะ..แต่ไม่มาก...แต่ฝนเริ่มมา..และที่สำคัญคือใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีสันสวยงาม...เป็นแดงเป็นส้ม..เป็นเหลือง...ก้อทำให้เมืองดูสวยไปอีกแบบหนึ่ง..โรแมนติกดี..
"Everyone must take time to sit and watch the leaves turn."


และก้อเข้า Winter ก้อแบบเศร้าสุดๆเลย...หนาวด้วย...ยิ่งถ้าหิมะตกด้วย..ก้อเป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง..ก้อสวยแบบเศร้าๆ...เหงาๆ...ขาวโพลนไปทั้งเมือง....นอกจากนี้ชีวิตช่วง Winter ลำบากสุดๆเลย...
"Winter must be cold for those with no warm memories."

แล้วพอเจอเศร้าสุดๆ...ก้อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ...ทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆเริ่มผลิบานกันใหม่ อากาศก้อไม่หนาวไม่ร้อนไป....ยุ่นชอบ Spring นะ..ยุ่นว่า Summer บางทีร้อนไปนิด..คือที่นี่จะร้อนแบบแห้งๆ...แต่บ้านเราร้อนชื้น...แต่ถ้าเป็นช่วง Springเนี่ย..อากาศจะกำลังสบายเลยอ่ะ...ชอบมากที่สุดเลย...และมันเหมือนทุกอย่างเป็นการเริ่มต้นสู่วงจรชีวิตใหม่... "Spring is nature's way of saying, "Let's party!"

และนี่ก้อคือฤดูที่แตกต่างทั้งสี่ฤดู...ในมุมมองของยุ่น :)


Thursday, December 23, 2010

Santa Claus is coming to town...

ทุกๆปีช่วงเทศกาลคริสมาส โรงเรียนที่นี่จะหยุดกันยาวสองอาทิตย์ หรือประมาณ 16 วัน...อึม...ถ้าตั๋วเครื่องบินกลับไทยไม่แพงเท่าไร..ยุ่นก้ออยากบินกลับไทยเหมือนกันนะเนี่ย...คิดถึงบ้านเราจัง....เพราะอยู่ที่นี่...อากาศหนาวก้อหนาว...แล้วเราก้อไม่มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูง...ให้ไปสังสรรค์ด้วยเลย... เศร้าเล็กๆ...

แต่ปีนี้..ครอบครัวเราได้ไปสังสรรค์ที่บ้านพี่ประเวศกันช่วงคริสมาส ก้อนั่งกินข้าวแล้วก้อคุยกันเหมือนเคย...เดี๋ยวมีอีกครั้ง วันที่ 31 สิ้นปี...พี่ประเวศจัดให้ค่ะ...พี่เค้าชวนไป count down ที่บ้านพี่เค้าอีกครั้ง...ก้อมีพี่อ้อมอีกครอบครัวหนึ่ง...รวมกันสามครอบครัว...ก้อ..อบอุ่นไปอีกแบบ....ตามประสาคนไทยในต่างแดน..

ที่บอก..ยุ่นสามารถกลับได้เพราะที่ศูนย์มิสก้อปิดเรียนเหมือนโรงเรียนทุกอย่าง เราต้องให้การบ้านเด็กสามอาทิตย์ เรียกว่าเด็กกลับมาสัปดาห์แรก ครูผู้ช่วยหัวหมุนเลย เพราะต้องลง record กันวุ่นวายเลยแหละ..สามอาทิตย์...คูณจำนวนนักเรียน..ก้อหนาวพอควร..แต่ถ้าเป็นที่ไทย ต้องตรวจการบ้านนักเรียนสามอาทิตย์..ตายแน่ๆเลย..

เอาเป็นว่ากลับเข้าเรื่องคริสมาสต่อดีกว่า..สิ่งที่ยุ่นชอบในช่วงเทศกาลนี้..อึม.. จริงๆก้อไม่เชิงนะ...แต่เพราะยุ่นไม่ได้ไปเที่ยวไหน ไม่ได้ไปสังสรรค์อะไรมากมาย.. ต้องอยู่บ้านมากกว่าตอนปกติ...ก้อเลยได้นั่งดูทีวีเป็นส่วนใหญ่ และยุ่นเป็นคนชอบดูหนังแบบจบเป็นเรื่องๆ...ซึ่งช่วงนี้ก้อเรียกว่าได้ดูแบบกระหน่ำ...ดูมาดูไปก้อ in และมันก้อชอบเหมือนกัน...

พอใกล้เทศกาลคริสมาสของทุกปี..เห็นเหมือนกันทั้งสามปีตั้งแต่มาอยู่ พอเข้าเดือน December เค้าก้อจะเริ่มเอาหนังคริสมาสมาฉาย..ยุ่นว่าดีนะ....เนื้อเรื่องก้อแบบเป็นชีวิตของคนที่นี่. ... มีหลากหลายแบบหลายรส....แต่เค้าผูกเรื่องได้น่ารัก โดยผูกเรื่องราวในครอบครัวให้เข้ากับความเชื่อ ความศรัทธาในศาสนาคริสต์..ก้อคือช่วงคริสมาสเนี่ยแหละ....ซึ่งมักจะจบด้วยการแนวคิดที่ว่าการมีครอบครัวที่อบอุ่น..เป็นพื้นฐานที่สำคัญของสังคม..

ยุ่นดูแล้วชอบ..มีหลายเรื่อง...ดูแล้วซึ้ง..เรียกน้ำตาเป็นปี๊บๆเลย....และให้เห็นว่าจริงๆ..สำหรับฝรั่งเรื่องครอบครัวกับเทศกาลคริสมาสเนี่ย...มันสำคัญสำหรับพวกเค้ามากๆเหมือนกัน....และทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรมและความคิดหลายๆอย่างของเค้ามากขึ้น...

อย่างวันก่อนได้ดูเรื่องหนึ่ง.. เรื่อง Santa Suit เป็นหนังธรรมดาๆนี่แหละ..เหมือนพระเอกเป็นคนที่รวยมาก มีทุกสิ่งอย่างในชีวิต แต่ไม่เคยสนใจในความรู้สึกของคนอื่น ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน และไม่มีชีวิตครอบครัวไง มีแต่งานและเงิน...แต่ Santa แบบเหมือนมาแกล้งเค้าทำให้ทุกคนมองเห็นพระเอกจากนักธุรกิจกลายเป้น Santa Claus ซึ่งทำให้เค้าทำธุรกิจของตัวเองไม่ได้ เพราะหน้าตาเค้าเปลี่ยนเป็น Santa ใส่ชุด Santa ตลอด..ถอดไม่ได้...

พระเอกก้อกลายเป็นคนไม่มีอะไรเลย ต้องไปหางานทำ ก้อต้องเป็น Santa ที่มาถ่ายรูปกับเด็กๆใน mall และต้องไปอยู่บ้านแบบเหมือนพวก homeless ซึ่งงานนี้ทำให้พระเอกได้เข้าถึงจิตใจของคนอื่นๆโดยเฉพาะเด็กๆ..และพระเอกก้อได้ย้อนถึงชีวิตในวัยเด็กของตัวเอง...และเข้าใจว่าแท้จริงเค้าเองต้องการอะไร..และควรจะมีการให้แก่คนรอบข้างด้วย...ไม่ใช่จะเอาแต่ take..

เรื่องนี้ก้อให้แง่คิดหลายๆมุมนะ....และพอดูเรื่องนี้จบทำให้ยุ่นเข้าใจว่า..อึม..ไอ้ที่เราสงสัยตั้งแต่ปี 08 ที่เรามาที่นี่ เวลาเทศกาลคริสมาส เราเห็นห้างต่างๆ..จะมีทำซุ้มคริสมาสสวยงาม...และมี Santa Claus มาถ่ายรูปกับเด็กๆทุกปี เสียสตางค์ด้วยนะ..ทำไมเค้านิยมกันจังเนี่ย...ไม่โดนใจเราเลย..แพงก้อแพง..ฮิตได้ไงเนี่ย...

แต่ปีนี้พอเราได้ดูหนังเรื่องนี้ ทำให้เราเข้าใจ culture และความคิดความเชื่อของเค้า ยุ่นก้อเลยลองยืนสังเกตุการณ์เวลาไปห้าง....ทำให้เราได้เห็นภาพน่ารักๆมากมาย...เราจะเห็นพวกเค้า ส่วนมากจะเป็นฝรั่ง เอเชียมีบ้างแต่น้อย..เข้าคิวเพื่อจะถ่ายรูปกับ Santa คิวยาวนะ ไม่ใช่สั้นๆ..ลูกค้าก้อจะเป็นเด็กเล็กส่วนมาก..ก้อตั้งแต่ Baby ถึง 6-7 ขวบนะ..พ่อแม่ก้อ line up กับลูกๆ...

พอเค้าถ่ายรูปเสร็จ เค้าจะมีเวลาให้เด็กได้คุยกับ Santa แบบสองต่อสองอ่ะ...เด็กผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาน่าร๊าก....นั่งคุยกับ Santa มีการกระซิบด้วยนะ..แบบนานมากๆๆๆๆเลย ยุ่นว่าต้องมีสิบนาทีนะ..เค้าก้อไม่ว่า ให้คุย..Santa ก้อคุยไปแบบใจดีมาก...เราเห็นเรายังชอบใจเลย..แบบเป็นภาพที่น่ารักมากเลย..จากนั้น ลุง Santa ก้อเดินไปทักทายและคงบอกคุณปู่ คุณย่าว่าหลานกระซิบอะไรมั้ง

และพอคุยเสร็จ..ลุง Santa ก้อจะให้ขนมลูกกวาดที่เป็นรูปไม้เท้าเล็กๆกับเด็กๆ...ซึ่งนี่ก้อเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของเด็กๆที่ได้มีโอกาสคุยกับ Santa ตัวเป็นๆ...สำหรับเด็กๆ..เค้าก้อคงมีความลับ มีความในใจที่อยากจะบอก Santa ซึ่งเค้าเชื่อว่า Santa จะมาหาพวกเค้าปีละครั้ง "Santa Claus is coming to town".. และเค้าเชื่อว่ามันจะเกิด miracle ขึ้นได้ในช่วงนี้ ซึ่งอาจทำให้เค้าสมหวังอะไรประมาณนั้น..


ยุ่นคิดว่าแต่ก่อนอาจจะไม่เสียสตางค์...แต่ตอนหลังพวกห้างต่างๆ...ก้อเอาเรื่องนี้มาทำเป็นการค้าขายไป...เลยมีการถ่ายรูป...และพูดคุยกับ Santa แบบเสียสตางค์...เลยทำให้เรารู้สึกมันไม่ขลังมั้ง !?!

อย่างไรก้อตาม...คิดถึงถ้าเป็นเรานะ..ตอนเด็กๆ..เราก้อคงมีความสุขเหมือนกันที่ได้ทำแบบนี้...และทำให้เข้าใจว่ามันไม่ใช่แค่การถ่ายรูปนะ..จริงๆมันก้อมีความหมายบางอย่างแอบแฝงอยู่ และนี่ก้อทำให้ยุ่นถึงบางอ้อว่า...ทำไมซุ้ม Santa จึงมีทุกห้างและได้รับความนิยมมากมายอย่างนี้ทุกปี...... ^^

Sunday, December 19, 2010

มีคุณก้อมีโทษ

ช่วงนี้ชีิวิตในแวนคูเวอร์ก้อไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้นแปลกใหม่เท่าไร ก้อจะเป็นการเรียนหนังสือ กับการไปทำงานคุมอง ส่วนเรื่องทำ volunteer ก้อได้ปฎิเสธเค้าไปเรียบร้อยโรงเรียนจีน... เนื่องจากเค้าให้ทำตั้งแต่ตอน 6.30 - 8.30 pm. มันก้อไม่ดึกหรอกหากเป็น summer แต่ตอนนี้ winter สี่โมงครึ่งก้อมืดหมดแล้วเหมือนทุ่มนึง แล้วอากาศก้อเ็ย็นมากๆ...เรียกว่า Freeze เลยก้อว่าได้ ฮ่งเลยบอก...ไม่อยากให้ไปทำ...เพราะที่ๆไปเนี่ยก้อค่อนข้างเปลี่ยว รถเมล์ก้อนานๆมาคันนึง...เลยตัดสินใจไม่ทำดีกว่า..ฮ่งบอกอย่าหาเรื่องโดยไม่จำเป็น..เฮ้อ...อุตส่าห์ดั้นด้น..ทำทุกอย่าง...

และ..ก้อคงอดพูดถึงคุมองไม่ได้อีก..เพราะมันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตยุ่นนะ..ช่วงนี้..เด็กนักเรียนลาออกมากมาย...ยุ่นก้อลองคิดเล่นๆว่าทำไมเด็กถึงออก...

เด็กที่ลาออกช่วงนี้จะเป็นเด็กที่เรียนระดับ F ขึ้นไป..หลายคนเลย..มีคนหนึ่งเค้าทำ F 01-20 แต่เค้าทำไม่ได้เลย...ก้อคือ E เนี่ยเค้าไม่ get ไง พอมา F ก้อจอดไม่ต้องแจวเลย มิสก้อแก้ปัญหาแบบซ้ำอย่างเดียว ยุ่นเห็นเค้าซ้ำประมาณ 4-5 รอบแค่ยี่สิบแผ่นแรก...แต่เด็กมันก้อทำไม่ได้อยุ่ดี....มิสก้อบังคับให้ทำทั้งยี่สิบแผ่นในห้องและเอามาส่งแก..เด็กทำไงก้อไม่ได้ เลยหนีกลับบ้าน...และบอกแม่ขอเลิกเรียน เพราะมิสไม่สอน ไม่เข้าใจ...มิสก้ออธิบายกับแม่ว่า ไม่จริง เด็กลอกคำตอบใน answer book มา...ทำให้เค้าทำไม่ได้...

อีกกรณี...เด็กเคยเรียนคุมองแล้วออก..แล้วกลับมาใหม่ ทีแรกก้อ happy มิสให้ทำสองเล่ม แบบ A กับ E ทำจนไล่ขึ้นมาถึง G เด็กขอเหลือหนึ่งเล่ม...ในที่สุด เด็กไปไม่ไหว หายไปไม่มาโดยไม่บอกกล่าว โทรไปตามเด็กบอก...เรียนแล้วไม่เข้าใจ ใช้เวลาทำคุมองนานมาก..และยังต้องทำการบ้านที่โรงเรียนอีกมากมาย..ไม่มีเวลาเรียนแล้ว..


กรณีต่อมา...เป็นลูกสาวของเพื่อนยุ่นที่เป็น marker แต่เนื่องจากเพื่อนยุ่นเค้ามีความจำเป็นต้องลาออกไปหางานประจำทำ..แต่ลูกสาวก้อยังเรียนอยู่..ลูกอยู่ G ประมาณ 71-100 ( ชุดเด็ด...ยากใช้ได้ ) เด็กไม่เข้าใจตั้งแต่ G ประมาณ 41 51 แล้ว เริ่มเห็นแวว..แต่มิสก้อซ้ำมาซ้ำไปตลอด..และไม่ยอมให้ใครสอน แม้กระทั่งตัวมิสอธิบาย เด็กก้อไม่เข้าใจ..แกก้อแก้โดยย้อนไปง่ายๆ แล้วกลับมาอีกครั้ง ..ทำแบบนี้อยู่สามรอบ และในแต่ละรอบ...ก้อมีการซ้ำมากกว่าสามครั้งต่อชุด...ปัญหาก้อยังเหมือนเดิม...ในที่สุด....เด็กขอลาออก...เพราะทนไม่ได้จริงๆ...เด็กบอกทำวันละเกือบชั่วโมง..อาจคิดว่าเด็กทำเยอะ ...แต่เด็กทำวันละ สามแผ่นเท่านั้น...การบ้านโรงเรียนก้อเยอะ...ทำคุมองก้อใช้เวลา...สอบที่โรงเรียนเลขก้อได้ C

เด็กคนนี้อยู่เกรด 8 ก้อม.สองบ้านเรา แต่ไงอ่ะ ที่นี่เลขเค้าง่ายกว่าบ้านเราอ่ะ..คือบ้านเราถ้าเด็กอยู่ G เนี่ย ที่โรงเรียนเลขจะได้ A แน่นอน..แต่เด็กคนนี้ก้อเหมือนเรียนม.หนึ่งบ้านเรานะ...แต่ได้ C พ่อก้อบอกให้เลิก ไม่ไหว ไม่ไหว...มิสก้อโกรธมากๆๆๆๆๆเลย...

นอกจากนี้ก้อมีเด็กแขกอีกคน เคยเรียนแล้วเลิก..ก้อกลับมาอีกครั้ง..อยู่เกรด 12 ตอนนี้ทำ K 150 ประมาณเรื่อง function ต่างๆ...เด็กทำด้วยความทุกข์ทรมานมาก...คือดูตัวอย่างแล้วไม่ getอ่ะ...ยุ่นก้ออยากช่วยนะ..แต่ก้อทำได้ไม่เต็มที่....นอกจากบางวันพอมีเวลาก้อได้ guide เค้า...หลัง guide เค้าก้อดีนะ...ทำเองได้..แต่ปัญหาคือที่ศูนย์ ไม่มีใคร guide เด็กอย่างเป็นจริงเป็นจัง.....และเค้าก้อบอกว่าเค้าไม่ได้จ้างยุ่นมา guide เด็กอย่างเดียว...เค้าต้องการให้ยุ่นทำงานอย่างอื่นก่อนการ guide....ซึ่งอันนี้ราก้อเข้าใจหน้าที่หลักของเราดี

และยุ่นก้อสังหรณ์ว่าเด็กคนนี้จะลาออกในไม่ช้า...

.เมื่ออาทิตย์ก่อน แม่เด็กคนนี้มาแอบกระซิบยุ่นว่ารับสอนพิเศษที่บ้านมั้ย...อยากให้มาสอนลูกสาวเค้า เค้าชอบยุ่น ยุ่นก้อขอบคุณเค้า และบอกว่ายุ่นไม่ได้รับสอน ขอโทษด้วยนะค่ะ....จริงๆน่ะ...ใจนะอยากสอน...แต่เราก้อต้องมีจรรยาบรรณเนอะ..ครูผู้ช่วยก้อต้องมีจรรยาบรรณเหมือนกัน....อาจได้เงินเพิ่มอีกเดือนหนึ่ง 100 กว่าเหรียญ แต่เสียชื่อตัวเราและเมืองไทย...ยุ่นถือว่ายุ่นเป็นตัวแทน instructor จากเมืองไทย..เพราะฉะนั้น...หยุดอยู่ตรงนั้นเลย...

ที่เล่ามาสามสี่ตัวอย่างนี้คือที่พอจำได้..แต่มีอีกหลายกรณีที่อยู่ดีก้อหายไป..ไม่มา ไม่จ่ายตังส์ ติดต่อไม่ได้..ส่วนใหญ่ดู record book ก้อมีปัญหาทั้งนั้น คือเค้าขึ้นไม่ไหว..คือพื้นฐานเค้าไม่แน่น..กำลังไม่พอที่จะทำระดับสูงขึ้นไป...และขอบอก คุมองระดับสูงขึ้นไป..มันไม่หมูอย่างที่คิด..

ยิ่งมาดูศูนย์ิมิส ก้อให้ยิ่งรู้สึกว่าอยากให้ instructorใหม่เข้ามาซื้อเร็วๆ เผื่อเค้าไฟแรง จะได้เปลี่ยนแปลงอะไรให้มันดีขึ้น เนื่องจากมิสเค้าก้อคงอยากเลิกเต็มที่แล้ว ก้อจะไม่มีการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพอะไรเลย..

ยิ่งภาษาอังกฤษนะ...อยากบอกว่าสงสารพ่อแม่เด็กที่ต้องจ่ายเงินให้มิสทุกเดือน วิชาละ 100 เหรียญนะ.. 3000 บาท สำหรับที่นี่ก้อไม่ถูกนะ...คิดดูเอาลูกมาอาทิตย์ละครั้ง...ครั้งละหนึ่งชั่วโมงเลย..แต่ไม่มีครูสอนนะ..ให้มานั่งทำแบบฝึกหัด แล้วมีครูตรวจงานให้...เดือนละ 100 เหรียญ...แต่ก้อโอเคตรงที่ว่ามีแบบฝึกหัดให้ทำทุกวัน...

เราเห็นแล้วก้อสงสารเด็กมากเลย...ตอนนี้...เด็กมากมาย..เดินมาหายุ่นเพื่อให้ยุ่นช่วยภาษาอังกฤษ...คือแบบเด็กมีปัญหาอะไรแทบทุกอย่างก้อมักเดินมาหายุ่น...คราวนี้อังกฤษเนี่ย..ยุ่นก้อไม่อยากก้าวก่าย และที่สำคัญคือยุ่นไม่ได้มีความรู้เรื่อง worksheet มาก..คือมันคนละ version กับบ้านเรา...และยุ่นก้ออยากให้ครูอังกฤษเค้าได้รู้ปัญหาและแก้ให้ถูกจุดมากกว่า...

ภาษาอังกฤษเนี่ย..เด็กที่เรียนจะเป็นเอเชียส่วนมาก..ก้อคือแบบเค้าเกิดที่นี่ก้อมี และส่วนใหญ่ก้อ immigrate เข้ามา ก้อจะมีปัญหาเรื่องอังกฤษ ก้อไม่รู้ทำไง..แต่..ที่นี่..หมายถึงศูนย์นี้นะ..ศูนย์อื่นไม่รู้...เค้าไม่สอนไง..เด็กทำเอง อ่านเอง....concept self learning....เด็กเล็กๆเนี่ย.. phonic ยังไม่แข็งเลย ก้อขึ้นต่อเรื่องใหม่ ยุ่นนั่งดู ยังอ่านไม่ไ้ด้เลย ก้อให้ทำระดับใหม่...งงอ่ะ..

การให้แบบฝึกหัด เค้าให้รวดเดียว 7A 01-200 แล้วซ้ำ 7A อีกรอบ.... 6A ก้อให้แนวนี้ พวก A1,A2 ก้อแบบนี้ ให้ยาวเลย...บางทียุ่นเห็นเด็กทำ รู้เลยว่าเด็กไม่ get grammar ที่คุมองกำลังให้ ผิดเพียบ แต่เค้าก้อให้แบบนี้ ไม่เข้าใจจริงๆว่าที่นี่เค้า train การให้แบบฝึกหัดแบบนี้หรือไง...ครูอังกฤษสามวันสามคน...วุ่นวายมากมายเลย...ไม่รู้นะ..ยุ่นว่าของบ้านเรา..การให้แบบฝึกหัดของเรา work กว่า ยุ่นไม่คิดว่าเด็กที่เรียนในประเทศเหล่านี้ ภาษาอังกฤษจะแข็งแกร่งมากขนาดทำรวดเดียวได้...โดยเฉพาะพวกเด็กเล็ก..หมายถึงอนุบาลถึงป. 4-5 บางคนก้ออยู่ A1 ก้อยังอ่านไม่ค่อยได้เลย...ปัญหาที่เจอก้อคล้ายของบ้านเรา..ยุ่นว่าเพียงเราใช้ภาษาอังกฤษน้อยกว่าเค้า.. เราอาจอ่านไม่เพราะเหมือนเค้า...แต่ยุ่นว่าเค้าสอนแบบประสิทธิภาพต่ำมากเลย...ยุ่นว่าในสิ่งแวดล้อมที่ดีขนาดนี้ เด็กน่าจะ work กว่านี้..เพราะครูที่สอนและครูผู้ช่วยหาก train ดีๆ..ยุ่นว่ามันต้อง work นะ..เพราะมันคือภาษาของเค้าเอง..

ที่พูดแบบนี้เพราะตอนนี้บางครั้งยุ่นต้องช่วย mark งานภาษาอังกฤษ บอกแล้วสุวรรณีลงได้ทุกตำแหน่ง พอเราตรวจเนี่ย เราเห็นปัญหาเลย..เด็กทำผิดเยอะมาก...และเวลาแก้..เด็กก้อแก้ไม่ถูก...อยู่ในห้องกันเป็นชั่วโมงๆ...ผู้ปกครองก้อแบบหน้าเคร่งเครียดนะ..รอนานอ่ะ..ไม่เสร็จซะที เด็กบางคนแก้สิบรอบยังไม่ถูก เด็กหลายคนนั่งร้องไห้เลยอ่ะ...ไม่รู้นะ..ถ้าเป็นยุ่น เด็กร้องไห้กันเยอะ อยู่ศูนย์กันเป็นสองสามชั่วโมง..เราเป็นเจ้าของ เราต้องเอ๊ะใจเนอะ..มันมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน...และเด็กก้อลาออกเยอะมากเหมือนกัน...

เฮ้อ...ก้ออย่างว่าเนอะ..ยุ่นรู้สึกว่ามิสติงเค้าไม่ใช่ครูคุมองอ่ะ..เค้าไม่เชื่อว่าเด็กคิดและทำอะไรได้ด้วยตัวเองมากกว่าที่เราคิด...ยุ่นหมายความว่า การวางแผนร่วมกันระหว่างครูกับเด็ก..ก้อเป็นหัวใจอีกอันหนึ่งที่ทำให้เด็กรู้ความก้าวหน้าและมีแผนการในการเรียนของเค้าเอง...การเรียนคุมองที่นี่เค้ายึดหลักเรียนรู้ด้วยตัวเอง..แบบเรียนเองเลยอ่ะ...คือเค้าเชื่อว่าแบบฝึกหัดคุมองเจ๋งมากขนาดเด็กทุกคนในโลกนี้ดูแล้ว get ได้ด้วยตัวเอง...ซึ่งมันไม่ใช่..

สำหรับยุ่น..ยุ่นเชื่อว่า..เลขนั้นต้องเข้าใจ..หากไม่เข้าใจ มันทำไม่ได้..เพราะมันเดินไม่ถูกอ่ะ..อย่างน้อยการซ้ำแบบฝึกหัดเด็กควรมีประโยชน์ในตัวมันเอง.. instructor ต้องเข้าใจว่าเราซ้ำเพื่ออะไร..ไม่ใช่เด็กไม่เข้าใจก้อตะลุยซ้ำมันไป...ยุ่นว่านะหากเข้าใจ..การทำอีกสักหนึ่งหรือสองรอบก้อเพียงพอแล้ว..แต่หากไม่เข้าใจ ทำไปเหอะ 100รอบ ก้อไม่มีทางทำได้ แล้วมันก้อผิดเยอะ...แก้ก้อน่าเบื่อ เพราะมันไม่เข้าใจ...มันก้อยังวนอยู่ในวงจรเดิมๆ..เหมือนเด็กหลงทางอ่ะ..เค้าก้อเริ่มเบื่อหน่าย...และอยากเลิกเรียน...


.ยุ่นว่าครูคุมองต้องเข้าใจหน้าที่..และรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ โดยเฉพาะแบบฝึกหัดคุมอง หากครูคุมองไม่เคยทำ และไม่รุ้จักมันดีพอ...เราจะไปให้แบบฝึกหัดเด็กได้อย่างไร....ยุ่นว่า...อันตรายนะ...เพราะจากประสบการณ์ที่ยีนเคยเรียนที่ศูนย์คุมองที่ไม่มีความรู้แบบนี้ เกือบทำให้ยีนเกลียดวิชาเลขไปเลย...

และยุ่นเอง..ยุ่นทำแบบฝึกหัดคุมองในระดับ J up เนี่ยยุ่นยังมีติดเลย..มีไม่เข้าใจ...มีงง...มีทำไม่ได้..ต้องโทรไปถามหน่อย..ถามผู้รู้...แล้วเราคิดเหรอว่าเด็กจะทำได้โดยไม่ติดเลย...

และ..อย่าลืม...ยุ่นเรียนแบบยุ่นเรียนเป็น..คิดวิเคราะห์.....ว่ามันเป็นมาอย่างไร?....แต่เด็กก้อมีที่เรียนแบบยุ่น คือเค้าเรียนเป็น แต่ก้อมีเด็กอีกมากมายที่เค้ายังเรียนไม่ถูกหลัก....ไม่รุ้วิธีการเรียนที่ถูกต้อง...เราครูคุมองต้องสอนให้เค้าเรียนให้ถูกหลักให้ได้..ซึ่งไม่ใช่การที่เด็กจบเป็น completer แปลว่าเด็กเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง...ยุ่นว่าต้องเริ่มจากก้าวแรกในการเรียนที่ทำให้เค้าเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง...และเรียนเป็น..อันนี้มากกว่าที่สำคัญ..

จริงๆทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ...มีคุณก้อมีโทษในตัวมันเอง.....อยู่ที่เราจะใช้มันเป็นหรือไม่...อย่างไร???

Saturday, December 4, 2010

Biology 12

ช่วงนี้ก้อไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาเล่นคอมเลยอ่ะ...เพราะไปลงเรียน biology12 อันนี้ไม่ใช่คุณลูกนะ...คุณแม่ค่ะ...

เพราะนี่ก้อเรียนมาเรียนไปก้อใกล้จบไอ้หลักสูตร high school ที่นี่แร้ว...คือปีนึงก้อไปเรียนสามวิชา นี่ก้อเรียนมาสองปีแล้ว...เรียนๆหยุดๆ...จนครูที่ปรึกษาบอก..เหลือของเกรด 12 สองตัวนะ...Eng 12 กับอะไรก้อได้อีกตัว...แล้วคุณก้อจบแล้ว...

ก้อเลยตัดสินใจเรียน bio 12 เพราะถ้าลงเคมีหรือฟิสิกส์ต้องเรียน 11 ก่อนจึงเรียน 12 ได้ ............. แต่ฟิสิกส์ขอบอก..ไม่เรียนเด็ด..เกลียดสุดๆเลย..

ครั้งนี้..พอได้มาเรียน bio กับครูคนนี้...ก้อเป็นอีกแนวเลยอ่ะ..ครูคนนี้ high techสุดๆ..แบบเค้าเก่งคอมมากเลย..ใช้คอมสอน..ให้การบ้านทางคอม...เช็คชื่อ...ให้คะแนนทุกอย่างทางคอมหมด...แล้วการสอนก้อใช้เทคนิคการ present powerpoint ในการสอน...ก้อทำให้เราได้เห็นภาพอย่างชัดเจน...แบบก้อสนุกไปอีกแบบ..เมื่อเทียบกับที่เราเคยเรียนตอนเด็กๆ...อึม..ก้อเกือบสามสิบปีแล้ว...ยุ่นว่าเด็กสมัยนี้...การเรียนการศึกษาค้นคว้า สบายกว่าสมัยก่อนมากๆเลย...มีข้อมูลมากมาย...และข้อมูลก้อมีการ present ค่อนข้างดี...ดูง่าย เข้าใจง่าย...

ทีแรกพอเพื่อนบอกว่าใช้คอมเรียน..ยุ่นก้อหนาวเหมือนกัน..เพราะไอ้เราก้อไม่เก่งคอมมากเท่าไร..อย่างครั้งแรกเค้าให้ทำข้อสอบส่ง ก้อกดผิดกดถูก...รู้สึกยังทำไม่เสร็จ แต่ดันกดส่งไป..โชคดี paper แรกเค้าไม่เก็บคะแนน...เฟอะฟะตลอดเลย...

แต่อย่างว่าคนเราก้อต้องปรับตัว..ก้อถามเด็กนักเรียนข้างๆ..ว่าทำไง..ถามมาถามไปก้อหัดทำเอง...ในที่สุด มันก้อต้องทำได้..ไม่มีอะไรยากเกินการเรียนรู้...

และที่ชอบมั่กๆของ course นี้ก้อคือ..เวลาเรียนแล้วครู present โดยใช้คอม..อย่างเรื่องการผลิต DNA , RNA ใน nucleus อ่ะ...แบบเป็นอะไรที่เค้าทำให้เรื่องยากเป็นเรื่องง่ายเลย...นอกจากนี้ ครูคนนี้ก้อมี VDO ที่แสดงถึงการทำงานภายในร่างกายเรา cell และก้อพวก organelle ต่างๆมันทำงานกันอย่างไร...ย้อนคิดถ้าตอนโน้นได้เรียนแบบนี้..ยุ่นก้อน่าจะชอบวิชา bio มากกว่านี้นะ..

ตอนนั้นเรียน..ก้อแบบนึกภาพเอง..จินตนาการไปต่างๆนานา...เพื่อช่วยการจำไง..แต่อันนี้ไม่ต้องเลย..มีภาพประกอบความเข้าใจ ทำให้เราเข้าใจได้ดีมากๆเลย...ชอบไอเดียครูคนนี้มากเลย...อยากให้ครู bio ที่บ้านเราได้เห็นแล้วเอาไป apply ใช้จัง...เด็กๆน่าจะเรียนแบบมีความสุขและสามารถนำมาปรับใช้กับสุขภาพของเราได้ด้วย..

นอกจากนี้ ครูคนนี้ก้อแบบใจดีสุดๆเลย...ข้อสอบเค้าเนี่ยมักมี bonus question แบบสมมติเต็ม 15 เค้ามี 16 ข้อ หากเราทำได้หมด เราก้อจะได้คะแนน 107% เค้าก้อเก็บคะแนนแบบนั้นเลยนะ..หรืออย่างเค้าให้มา 20ข้อ...พอทำเสร็จ มีนักเรียนแย้งว่าข้อนี้เนี่ย ไม่ได้อยู่ในบทเรียนนี้...เค้าไม่เข้าใจ..ครูพิจารณาว่าใช่จริง..ครูให้เป็นคะแนน bonus เลยนะ..แบบจะกลายเป็นเต็ม 19 ทันที...ก้อคือเด็กๆจะได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า...เพียงแต่ยุ่นรู้สีกว่าจากความที่ครูเค้าใจดีมาก ทำให้เด็กคนนี้ขอคะแนนพิเศษแบบนี้หลายครั้งแล้ว..ยุ่นดูแล้วไม่ชอบใจเท่าไร..คือเอาความใจดีของครูมาเป็นประโยชน์ของตัวเอง...แต่ก้อได้กันทั้งห้องนะ..เพียงแต่..ยุ่นรู้สึกบางทีก้อมากเกิน..

ยังไง..หากใครได้อ่านบทความนี้แล้วสนใจ อยากเข้าไปดู web-site ของครูคนนี้ก้อได้..เพียงแค่พิมพ์ คำว่า Biology 12 ตรง google search เท่านั้นแหละ..มันก้อจะพาไปหน้าพวก bio ก้อเลือกอันแรกเลยอ่ะ.. biology 12 ก้อคือของครูคนนี้ เค้าชื่อ Kyle อะไรประมาณนี้...เค้าจะมี slide สรุปของเค้า..แต่มันจะไม่ได้เป็นแบบเวลาเค้า present สอนในห้องนะ..อันนั้นคงต้องใช้คอมของเค้า...แต่เค้าก้อมีแบบฝึกหัดมากมายให้ฝึกทำ..ยุ่นว่าใช้ได้นะ..สำหรับการเรียนรู้ด้วยตัวเอง....ไม่เลวนะเนี่ย...ใช้ด้าย...