Friday, February 11, 2011

เปลี่ยนไปตามวัย...

ช่วงนี้ยุ่นก้อมาลงเรียนภาษาอังกฤษอีก...ที่จริงยุ่นต้องเรียน Communication 12 หรือไม่ก้อ English12 แต่ปรากฎ Eng 12 เวลาไม่ลงตัวกับการทำงานของยุ่น เลยลง Communication 12 เข้าไปเรียนวันแรก..งงและเซ็งมากเลย ครูสอนแบบนี้ไม่เรียนดีกว่าเสียเวลา

ครูเป็นครูผู้หญิง..ฝรั่ง..แบบเธอเข้ามาก้อแจก sheet short story สี่ห้าหน้าเสร็จก้อบอก..ทุกคนอ่านไป..แล้วเขียน essay ตอบคำถามข้อห้า...ไม่พูดไม่จาอะไร จากนั้นครูก้อนั่งเฉยๆ...ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก้อเบรค 10นาทีตามระเบียบ...เข้ามาแจก sheet อีกแผ่น บอกให้เชื่อมประโยคที่ให้..เขียนบนกระดานหนึ่งประโยคเป็นตัวอย่าง เสร็จให้นักเรียนทำเอง..แล้วก้อตอบคำถามอีกข้อหนึ่งโดยเขียนเป็น paragraph มาส่ง...จากนั้นครูก้อนั่งเฉยๆอ่านหนังสือของตัวเอง...ให้มันได้อย่างนั้น..แล้วนักเรียนจะได้อะไรมั้ยเนี่ย...นักเรียนก้อนั่งมองตากันปริบๆ

เฮ้ย..สอนแบบนี้ เล่นไม่ยากเลย..แต่ยุ่นไม่อยากเรียนเลยอ่ะ...ไม่ใช่ทำไม่ได้นะ..แต่คิดว่าคงไม่ได้เรียนรู้อะไรแน่เลยสองเดือนครึ่งที่จะถึงนี้..เลยตัดสินใจ..

รุ่งขึ้น..ไปรอพบ Tom ครูที่สอนอังกฤษ 11 แต่ครั้งนี้เค้าสอน Communication 11 แล้วก้อบอก Tom ว่าเราอยากเรียนกับเค้า..อังกฤษเราไม่ได้แตะมาเป็นปีแล้ว ลืมหมด..ทอมก้อโอเค อนุญาต..เสร็จยุ่นก้อลงไปคุยกับ office ว่ายุ่นเรียน 12 เนี่ย วันแรก ไม่รู้เรื่องเลย ไม่รอดแน่ ขอเปลี่ยนเป็น Communication11

ทีแรกเค้าไม่ให้..เพราะเช็คคะแนนเรา..เราเคยเรียน Communication 11 แล้วได้ 80% เค้าก้อบอกถือว่าดี..ทำไมจะลงอีก..แต่เราก้อยืนกรานว่าอังกฤษเราอ่อนจริงๆ..อยากเรียนอีกรอบ..เค้าก้อให้หัวหน้าเซ็นว่าให้เรียน...และยุ่นก้อต้องให้ทอมมา confirm อีกครั้งว่าเราจะย้ายจริง...ถ้าเป็นกรณีแบบนี้..คนอื่นก้อเสียอีกยี่สิบเหรียญ คือเหมือนลงทะเบียนใหม่อีกวิชา...แต่ครั้งนี้ยุ่นโชคนี้อ่ะ..เค้าย้ายยุ่นไป class ทอมโดยไม่เสียสตางค์...เพื่อนๆบอก..ฟลุ๊คมาก ปกติเค้าต้องเสียอีกยี่สิบเหรียญ...แต่ถึงเสียยุ่นก้อยอมนะ..คือกะว่าไงเปลี่ยนครูแน่นอน..ไม่อยากเสียเวลาแล้วไม่ได้ความรู้..เสียตังค์เพิ่มอีกหน่อยไม่เป็นไร..

แต่ทอมก้อมีบอกว่า..คุณอาจได้เรียนในสิ่งที่คุณรู้แล้ว.ซึ่งยุ่นก้อบอก..ยุ่นต้องการทบทวนความรู้..ไม่มีปัญหา..เป็นอันผ่านไปได้ด้วยดี..

วันก่อนทอมป่วยหนักไม่มาสามวัน...วันที่สามมีสอบ writing เป็นครูผู้หญิงอีกคนมาแทน..เค้าเช็คชื่อ..ส่วนใหญ่ในห้องก้อเป็นประชาชนชาวจีน..ก้อใช้ชื่อแบบฝรั่งอ่ะ..เช่น Amy..Micheal..Erica...Terisa...Tommy...Riko...Simon ประมาณนั้น เค้าก้อเรียกไป...พอมาถึงชื่อยุ่น คือยุ่นรู้เลยว่าต้องเป็นเรา เพราะครูทุกคนจะหยุดประมาณสามวินาทีก่อน...ตรง Last name มันยาวมากไง.. Takviriyanun..ที่นี่ last name เค้าสั้นๆทั้งนั้น...แล้วก้อชื่ออีก Suwannee ก้อไม่เหมือนชาวบ้านเค้าอีก...ตอนแรกที่มาเข้าเรียน class John ครูเลข เค้าเช็คชื่อครั้งแรก...ครูถามว่ามาจากพม่าเหรอ....แหม..John เกือบใช่เลย..มันใกล้กันมากเลย..เพื่อนบ้านพม่าอ่ะ.....ไทยแลนด์...

กลับมาห้องเรียนภาษาอังกฤษต่อ...ครูผู้หญิงเค้าก้อเรียกชื่อยุ่น Suwannee แล้วเค้าก้อแบบชอบมาก..เค้าบอก You guy have the coolest name in this class! คือมัน cool ที่นี่แหละครู ที่ไทยเนี่ยเค้าเรียกชื่อโหล...55555

อย่างที่บอกไง..ทีแรกก่อนมา ยุ่นก้อพยายามจะสรรหาชื่อโน้นชื่อนี้ เพราะคิดว่าชื่อเราฝรั่งจะจำไม่ได้ พูดไม่ได้.....สุดท้าย..ไม่ได้เปลี่ยน..เพราะหาชื่อโดนใจตัวเองไม่ได้.. สุวรรณีเนี่ยดีสุด.....แต่ปรากฎมาอยู่ที่นี่...เป็นชื่อที่ใครๆเรียกแล้วเค้าจะบอกว่าชื่อเรา Cool ครูผู้ช่วยที่ศูนย์พวกวัยรุ่นก้อบอก... Suwannee ไอชอบชื่อยูนะ...มันเพราะแล้วเวลาเขียนก้อ cool...ไม่อยากเชื่อเลย...คือส่วนตัว..ยุ่นก้อโอเคกับชื่อนี้นะ..เพราะพ่อแม่ตั้งมาให้แต่เด็ก..มันคือตัวเราไปแล้ว...และไม่เคยคิดอยากเปลี่ยน...แต่ไม่เคยรู้สึกเท่ห์ไง...เพราะเรียนตั้งแต่เล็กจนโต..ไม่เคยอยู่ห้องไหนแล้วไม่มีเพื่อนชื่อสุวรรณี..และก้อสุวรรณาเลย.....ก้อเพิ่งมารู้สึกว่าชื่อเราเนี่ยกิ๊บเก๋....ก้อตอนอยู่แคนาดาเนี่ยแหละ...^^

อย่างที่ศูนย์คุมองเนี่ย...ผู้ปกครองใหม่ทุกคนจะเรียกชื่อ สุวรรณีแบบลื่นเลยอ่ะ..เพราะมิสติงเรียกยุ่นตลอด..เมื่อวานมีผู้ปกครองเพิ่งพาลูกมาสมัคร..นั่งตรงเก้าอี้ข้างมิสชั่วโมงเดียว..มิสบอกเสร็จแล้วให้สุวรรณีอธิบายว่าดูแลลูกอย่างไรที่บ้าน..ผู้ปกครองเรียกชื่อยุ่นถูกเฉยเลย..เรียกแบบหนิทหนมด้วยนะ...คิดดู..มิสเรียกเยอะจนทุกคนจำได้หมดเลย...เพราะฉะนั้น สรุปว่าชื่อนี้ไม่ยากเกินเรียก..

อึม..แต่เมื่อวานตอนหลังเลิกเรียนและต้องไปทำงานที่ศูนย์ต่อ..ยุ่นได้ืำทำเรื่องที่น่าละอายใจเล็กๆ..เรื่องนึง..แต่เป็นเรื่องที่น่าจะอภัยให้ได้..ไม่ร้ายแรง..

คือปกติ..ยุ่นจะมีตั๋วเดือนรถเมล์ไง..ซึ่งใช้ได้ทุกเมื่อ..ปรากฎเมื่อวาน..ฮ่งยืมไป..และยุ่นก้อใช้ตั๋วเป็นใบใบ ที่มีเวลาแค่ 90 นาที...ซึ่งยุ่นไปเรียนหนังสือเนี่ยก้อ 2 ชั่วโมงสิบนาที..ต้องเปิดตั๋วอีกใบแน่นอนหากจะขึ้นรถเมล์...

เมื่อวานครูปล่อยเร็ว พอเรียนเสร็จก้อยังไม่ถึงเวลาทำงาน....ก้อเลยเข้าไปค้นหาหนังสือที่ต้องการในห้องสมุดหน่อย..เพลินไปนิด.. ปรากฎเหลือบดูนาฬิกาอีกที..ตายหละ..จะสามครึ่งแล้ว..ไปทำงานสายแล้วเราวันนี้....พอออกจากห้องสมุดปั๊บ..เป็นป้ายรถเมล์ไง..รถเมล์ก้อมาพอดี..ก้อวิ่งขึ้นเลย..จะได้เร็วหน่อย...ไม่ต้องเดินให้เสียเวลา..สองป้ายรถเมล์ไง..เดินก้อมีสิบนาที..

กะให้ถึงศูนย์ทันสามครึ่งอย่างเดียว...เรื่องอื่นลืมคิด....เรื่องตั๋วรถเมล์หรือเรื่องเงิน....พอขึ้นไปอยู่หน้าคนขับ ตรงจุดที่เราต้องหยอดบัตร..แม่เจ้า..วันนี้เราไม่มีตั๋วเดือนนี่หว่า..ตอนนั้นเนี่ย...ใจรู้ทั้งรู้ว่าบัตรในกระเป๋าเสื้อโค๊ทที่กำลังควักเนี่ย หมดเวลาชัวร์..ก้อยังคงควักมันออกมา..แล้วแกล้งใส่ลงเครื่อง..ทำเป็นไม่รู้เรื่อง..แกล้งโง่...เพราะความงกที่ไม่อยากเสียสตางค์ 2 เหรียญกว่าก้อหกเจ็ดสิบบาท...และก้อกำลังเจ็บใจตัวเองว่าขึ้นมาทำไมเนี่ย..เดินซะก้อหมดเรื่อง...

และแน่นอน..เครื่องมันไม่โกหก..มันก้อส่งเสียงว่าหมดเวลา..คนขับก้อดึง ticket ไปและถามว่า Is this today's ticket? ยุ่นก้อบอก Yes, but I forgot. และก้อกำลังกะว่าเราจะทำไงต่อดีเนี่ย..จะควักเงินเหรอ.......อึม..ไม่คุ้ม..เอาไงดีเนี่ย...คนขับจะว่าเรามั้ยเนี่ย...จะทำหน้ายังไงดี..จะพูดกับเค้ายังไง..

เล่าตอนนี้ให้ฮ่งฟัง..ฮ่งบอก..ไม่ต้องจ่ายเงิน..ลงป้ายหน้าเลย..เรียกว่าเดินน้อยลงไปหนึ่งป้ายด้วย....แล้วยุ่นก้อไม่ต้องเสียเงินด้วย..เห็นหลายคนเค้าก้อทำ....หน้าไม่แตกหรอก..เค้าจำหน้ายุ่นไม่ได้หรอก...( ไอ้ที่แนะนำเนี่ย..มันไม่ได้เกิดกับตัวเองไง..แนะไงก้อแนะได้...แต่ตอนอยู่ในสถานการณ์ซิ...)

แต่....โชคดี..เจอคนขับใจดี..แล้วก้อหล่อด้วยอ่ะ...คือเพิ่งเห็นความหล่อหลังจากเค้าดูตั๋วยุ่นว่าเป็นของวันนี้จริงๆ..เค้าก้อโบกมือว่าไปนั่ง ไม่เป็นไร..ไม่ต้องจ่ายสตางค์...ทีแรกมัวแต่คิดเรื่องอื่น...ลืมดูหน้าคนขับ...

วันนี้โชคดีจังเจอคนขับทั้งหล่อทั้งใจดี..อย่างนี้ก่อนลง...สุวรรณีต้องให้กำลังใจคนขับสักหน่อย..คือจริงๆขึ้นไปอยู่บนรถแค่สองป้ายรถเมล์เอง.....รวมเวลารถติดไฟแดงด้วย...แค่สามนาทีเท่านั้นเอง...

พอถึงป้ายลง....ยุ่นก้อเดินไปหน้ารถ..ตั้งใจลงตรงประตูด้านหน้าเลย....ปกติทั่วไปผู้โดยสารต้องลงประตูหลัง...และยุ่นก้อยิ้มหวานเล็กน้อย พร้อมกับบอกเค้าว่า.. .."Thank you so much!"...^^

คนขับก้อยิ้มตอบ.."You're welcome." ^-^

ก้อเรียกว่าจบลงด้วยดีอีกเรื่องหนึ่ง...เพราะบางทีถ้าเจอคนขับที่เจ้าระเบียบ..เค้าก้อมี lecture เรานะ...ก้อได้อายและหน้าแตกจริงๆ...และสงสัย..อาจจะหยิบสตางค์ขึ้นมาจ่ายด้วยหลังโดนด่า...

เหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดกับตัวยุ่น ทำให้เดี๋ยวนี้เวลายุ่นเห็นบางคนทำอะไรผิดเนี่ย..ยุ่นจะคิดอีกมุมหนึ่งว่า จริงๆเค้าอาจมีเหตุผลอย่างอื่น..หรือแบบเราไง..คือไม่ได้ตั้งใจ....แต่มันเผลอไผล...ก้อจะพยายามมองสองด้านอย่างที่ฮ่งมักจะสอน...ซึ่งแต่ก่อน..พอเจอปั๊บ..จะมองด้านเดียวว่าเค้าไม่ควรทำ..มันผิด..แต่เดี๋ยวนี้..ทั้งประสบการณ์ที่มากขึ้น วัยที่เปลี่ยนไป...มุมมองและวิธีคิดยุ่นก้อเปลี่ยนไป...:)))

"In order for there to be growth, there must be change."

2 comments:

  1. สรุปได้ดีมากยุ่น น้องรัก อ่านแล้วเพลินเหมือนได้อยู่ในเหตุการณ์กับยุ่นด้วยเลย แต่พี่อยากรู้ว่าที่ยุ่นส่งมาให้พี่อ่านนี่ได้ส่งให้คนอื่นอ่านด้วยหรือ เปล่า แล้วบางเรื่องก็ไปอยู่ใน facebook ซึ่งโดยปกติพี่จะไม่ค่อยได้เข้าไป เพราะไม่มีเวลา และก็ได้แต่อ่าน ทำอะไรมากกว่านั้นไม่เป็นไง ล่าสุดได้เข้าไปดูเห็นยุ่น post รูปเก่าๆสมัยก่อน ตอนที่เราไปร้องคาราโอเกะวันเลี้ยงส่งยุ่นแล้ว คิดถึงยุ่นมากขึ้นทันที ไม่รู้เมื่อไหร่เราจะได้ร้องเพลงด้วยกันอีก แล้วก็เห็นยุ่น post รูป chocolateด้วย เจ๋งมากๆ ทำได้ไง อยากทำได้บ้างจัง พี่คงจะต้องศึกษาอีกเยอะเลย แต่ตอนนี้ยังไม่มีเวลา ก็เลยได้แต่เปิดดู with no comment ไปก่อน

    พี่เหน่ง

    ReplyDelete
  2. ตอนครู John ถามว่า พี่มาจากพม่า พี่ตอบไปเลยรึป่าวว่า บ้านใกล้เรือนเคียงนะ แต่ไม่ใช่พม่า... ว่าแต่ว่า ชื่อพี่ทีเป็นภาษาไทยเนี่ย ถ้าจะworkนะ ฝรั่งมันอ่านได้กันทุกคนเลย และแถมยังชมว่า เท่อีก.... เชื่อปะว่า อ่านให้แม่ฟังนะ แม่กะเราอดลุ้นไม่ได้เลย ตอนคนขับรถเมล์เรียกน่ะ เรียกว่า โชคดีมากนะ ที่เค้าไม่เอาเรื่อง เพราะจริงๆมันคือ ตั๋ววันนี้ แต่เพียงแค่ว่า เวลามันหมดก่อนใช้ใช่ปะ เรียกว่า โชคดี ไม่เจอคนเข้ม และยังไม่ต้องเสียเงินด้วย ^-^

    ReplyDelete