ก่อนหน้าที่ยุ่นจะไปเข้า Job Search Workshop นี้ ยุ่นก้อได้เรียน Business Conversation Course ที่ UBC ต่ออีก course นึง แต่ครั้งนี้เปลี่ยนครูเป็น Paul ซึ่งลักษณะของบทเรียนก้อเปลี่ยนหมด มันไม่ใช่ Business แต่มันเป็น Job Search เหมือนกัน..เพราะฉะนั้น..ในช่วงเดือนสิงหาที่ผ่านมา..เรียกว่าชีวิตยุ่นได้วนเวียนเรียนเกี่ยวกับ Job Search โดยไม่ตั้งใจในสองอาทิตย์แรก และตั้งใจในอาทิตย์ที่สาม..
สิ่งที่เรียนกับพอลแล้วชอบเค้าก้อคือ..เค้าเป็นคนที่ encourage หรือ motivate คนได้ดีมาก..มีความคิดที่เป็นบวกมากๆ..สร้างกำลังใจให้กับผู้เรียนที่เป็น new immigrant และกำลังมองหางานได้ดีมากๆ...
สิ่งที่เค้าเน้นก้อคือ..immigrant ต้องหาตัวเราให้เจอก่อน...จริงอยู่ตอนที่เราอยู่ประเทศเรา เราอาจเคยเป็นหมอเอย หมอฟัน เภสัช..วิศวะ สถาปนิค นักบัญชี เจ้าของกิจการ...แต่มาที่นี่มันก้อเหมือนกลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์...แต่ก้อไม่ได้ศูนย์ซะทีเดียว..เพราะเรามี skills ที่เราสะสมในระหว่างที่เราทำงานในบ้านเรา..เราก้อดูความสนใจ (interest) ของเราประกอบกับ skillsที่เรามี..แล้วคิดว่าเราอยากเป็นอะไร..ทำอะไร..แล้วก้อวางแผน..มุ่งหน้าเดินไปตามแผนนั้นๆ..
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องรีบร้อนที่จะหางาน ทำงาน และเมื่อเข้้าไปทำ สองเดือนก้อลาออก...หรือทำงานนั้นๆอย่างไม่มีความสุข และไม่มีการพัฒนาตนเอง...
นอกจากนี้พอลยังบอกว่าสิ่งที่ immigrant ส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในการอยู่ในแคนาดาเพราะสาเหตุหลายอย่าง และเค้าก้อยกตัวอย่างให้ฟัง ว่าจากการสำรวจ :
1. They don't like taking risk; พวกเค้าไม่กล้าเสี่ยง...เค้าไม่กล้าเสี่ยงที่จะกลับไปสู่สภาพเดิมที่เค้าเคยเป็นในประเทศเค้า เช่นเคยเป็นหมอ ก้อไม่กล้าที่จะกลับมาเรียนหมอที่นี่ เพื่อให้เป็นหมอ...
*** อันนี้อยากบอกว่า...ไม่ใช่ไม่กล้าเสี่ยง..แต่มันเป็นการลงทุนที่ใช้ทั้งเงินและเวลาและมองไม่เห็นอนาคตมากกว่า ที่นี่..ไม่ว่าคุณจะเป็นหมอ ทันตะ เภสัช วิศวะ ผู้ตรวจสอบบัญชี..ทุกอาชีพที่ professional ...คุณเข้าตลาดแรงงานเค้าไม่ได้ ถ้าคุณไม่ได้กลับไปเรียน..และต้องสอบใบอนุญาตของเค้าให้ได้ด้วย..ซึ่งมันใช้เวลานานมาก..บวกกับค่าเล่าเรียน ค่าสอบที่แพงสุดๆ...และก้อยากมากที่จะได้..มีหมอคนนึงจากรัสเซียเค้าเล่าให้ฟังว่า เค้าใช้เวลาเรียนบวกสอบกว่าจะผ่าน...ที่แคนาดาถึงสิบปี...ต้องบอกว่ามุ่งมั่นมั่กๆ..แต่แบบนี้มีน้อยนะ..เพราะฉะนั้น..คนที่มาด้วยอาชีพพวกนี้..มักไม่เลือกวิธีนี้กัน****
2. They have a fear of failure, of making a mistake, of being criticized.
3. They have a fear of success and the pressure to do more; they are concern about what others will think about them.
4. They exhibit laziness or apathy, a lack of focus on, and energy for, the target goal.
5. They lack planning skills; a job search takes time and requires a new routine.
6. They have low self-esteem, feel undeserving and lack belief in their ability.
7. They don't make time to reflect on and learn from mistakes, repeating the same actions yet expecting a different result.
สำหรับยุ่น...ยุ่นก้อเห็นด้วยบางข้อ...เพราะสำหรับ immigrant ที่เข้ามาอยู่ในแคนาดา..ค่าครองชีพในการดำเนินชีวิตนั้นมันสูงมาก..โดยเฉพาะค่าที่พักในแวนคูเวอร์...เพราะฉะนั้นเพื่อความอยู่รอด..เราจึงเห็นว่าอาชีพแรกๆของ immigrant จะเป็น labour job และก้อมีหลาย immigrant ที่หลุดจากวงจรนี้ไม่ได้ เพราะค่าใช้จ่ายที่เค้าต้องรับภาระ..พอรู้ตัวก้อปรากฏว่าทำงานพวกนี้ไปห้าปีบ้าง สิบปีบ้าง คิดจะกลับมาเรียนบางทีก้อช้าไปเหมือนกัน แต่สำหรับประเทศนี้ เค้าก้อให้โอกาสคนทุกคน ทุกเวลา ทุกอายุ...ซึ่งยุ่นก้อชอบระบบความคิดแบบนี้นะ..
อีกอย่าง คนเราไม่จำเป็นต้องทำอาชีพเดียวกันตลอดชีวิต เราสามารถ transfer skill ของเรามาทำในสิ่งที่เราชอบ เราสนใจ มีความสุข และเราก้อกลับไปเรียน course ต่างๆ...เพื่อทำให้เราสามารถเข้าสู่อาชีพที่เราสนใจได้..อันนี้ไม่จำเพาะ immigrant นะ คน Canadian ก้อเป็นแบบนี้ ยกตัวอย่างเช่น ครู Canadian ที่สอนยุ่นทุกคนเลย..เค้าจะทำอาชีพอื่นๆมาก่อน...และเพิ่งมาเรียนครูกันตอนอายุสามสิบกว่าบ้าง สี่สิบกว่าบ้าง แล้วค่อยมาเป็นครู...เค้าบอก..เป็นเรื่องธรรมดามากๆของที่นี่ North America... และคุณอยากทำอะไร คุณก้อทำได้ งานทุกอย่าง ทุกระดับ มีคุณค่าเท่ากันหมด..
พอลบอก..หากคนทุกคนมุ่งแต่เรียนหมอ..ทันตะ...ทนายความ...แล้วโลกเราจะอยู่กันอย่างไร..เค้าบอกคนเราแต่ละคนก้อมีความสามารถ มีความถนัด หรือ skill ที่แตกต่าง...แต่เราก้อสามารถที่จะนำมันออกมา และทำประโยชน์ให้สังคมในรูปแบบที่แตกต่างกัน และขอบอกว่าอาชีพที่มีรายได้ดีของที่นี่ที่พวก immigrant มองข้าม เช่น plumber, carpenter... คือพวก technician ทั้งหลาย..รายได้ต่อชั่วโมงสูงมาก สูงกว่าประเทศทางแถบเอเชีย..อันนี้จริงแท้แน่ที่สุด..วันก่อนดูใน website plumber ชั่วโมงหนึ่งสามสี่สิบเหรียญนะค่ะ...หรืออาชีพทางด้าน health care ก้อป็นที่ต้องการของที่นี่ เช่น พยาบาล และพวกผู้ช่วยทางสายการแพทย์ต่างๆ..เป็นต้น..
อึม..ฟังแล้วก้อให้ได้ idea กลับมาพิจารณาครอบครัวเราว่าเราเป็นอย่างไร..ก้อรู้สึกว่า..เราน่าจะเดินถูกทางแล้ว แม้ว่ายุ่นจะไม่ได้รักที่จะอยู่ที่นี่มากเท่าไร..แต่เราก้อพยายามเต็มที่ อย่างฮ่ง..หลังจากทำงานเป็นผู้ช่วยเภสัชมาเกือบสองปี เค้าก้อรู้สึกเบื่อหน่าย และนั่นไม่ใช่ความสนใจที่แท้จริงของเค้า...ยุ่นเองถึงพยายามให้เค้ากลับไปเรียน..เพราะไม่งั้น..ก้อต้องจมอยู่ในอาชีพที่ตัวเองไม่ชอบ..มันน่าเบื่อเหมือนกันนะ...ที่ตื่นเช้าแล้วไม่อยากไปทำงาน หรือกลับมาบ้านหน้าตาเศร้าหมอง เคร่งเครียด..บรรยากาศของคนรอบข้างก้อแย่ไปด้วยเหมือนกัน...คิดแค่นี้ ปัจจุบันเราก้อแย่แล้ว...
ครอบครัวเราก้อคิดในแง่บวกว่า หลังจากฮ่งจบ course นี้ ฮ่งจะมีโอกาสในการทำงานที่ตัวเองชอบ และได้เรียนรู้หรือทำอะไรที่ท้าทาย และสนุกกับงาน...หลังจากนั้น รายได้มันก้อคงค่อยๆมาเอง..
ส่วนยุ่นเอง ระหว่างนี้ก้ออาจหานักเรียนเพิ่มสอนพิเศษอีกคนหรือสองคน โดยจะไปติดประกาศในห้องซักผ้าของ apartment และก้อจะตั้งใจเรียนให้จบ VSB ในหกเดือนนี้ให้ได้..หลังจากนี้ ก้อคงต้องมองหา course ที่เหมาะกับตัวเรา...และก้อเรียนอย่างจริงจังเหมือนกัน...เอานะ..ไหนๆก้อมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่างน้อย..การเรียนก้อทำให้ยุ่นได้มีความรู้ติดตัว..ก้อไม่เสียหาย...และเราก้อพยายามทำวันนี้ให้ดีที่สุด...ไม่ต้องกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง..( ต้องพยายามเตือนตนตลอดเวลา ใช้หลักธรรมะเข้าช่วย... อยู่กับปัจจุบัน)
และยุ่นก้อหวังใจว่า Job Search Workshop ที่ยุ่นเขียนในสองตอนนี้ จะเป็นเรื่องราวที่มีประโยชน์สำหรับผู้อ่านหรือใครก้อได้ที่คิดอยากจะ immigrate ไปต่างประเทศ.เช่น America, Canada, Australia .. ซึ่งยุ่นคิดว่าข้อมุลพื้นฐานน่าจะเหมือนกันนะ..เราควรศึกษาและเรียนรู้ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจว่า เราพร้อมแล้วใช่มั้ยสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตเรา...เพราะ..เมื่อเรา immigrate เข้าไปแล้ว...เราต้องเตรียมตัว เตรียมใจ และเตรียมเงิน เพื่อรับกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น...อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้... >.<
พี่ยุ่นสู้ๆ .....
ReplyDeleteเกิดเป็นคนก็ต้องดิ้นรนไปเรื่อยๆ นะ พี่ยุ่นมีลูกคนเดียวเอง อีกไม่กี่ปียีนก็ดูแลตัวเองได้แล้ว ดูเก๋สิ โอกุยังไม่พูดเลย ยังมีภาระอีกยี่สิบปีนแน่ะ แค่คิดก็หนาวแล้ว 555
ใช่ เกิดเป้นคนเนี่ย...มันต้องดิ้นรนไปไม่จบสิ้น...ทีแรกมา..พี่เองก้อไม่ happy นะ..แต่พอเราได้ไปเข้า worlshopบ้าง ได้คุยกับเพื่อนทั้งคนไทยและจากประเทศอื่นๆบ้าง...ทำให้เรารู้ว่าทุกคนก้อเหมือนกัน..ตกที่นั่งเดียวกัน..แต่ครอบครัวเรายังโชคดีกว่าเค้าอีก เพราะครอบครัวเรามาไม่นาน เราก้อมีงานทำ...และเด๋วนี้..พี่เองก้อปรับตัวปรับใจได้มากแล้ว..และพี่ก้อเริ่มชอบที่นี่เหมือนกัน เพียงแต่คิดถึงพ่อแม่พี่น้องและเพื่อนๆนะ..
ReplyDeleteพี่ว่านะ หากเราคิดบวก..คิดดี ทำสิ่งดีๆ แล้วอะไรมันก้อจะดีตามมเอง.....อีกอย่าง..พี่ว่า...การได้มาอยู่ที่แวนคูเวอร์ มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เราหาไม่ได้ง่ายๆ...เราได้เรียนรู้ชีวิตของชาวตะวันตกจริงๆ..สัมผัสมันจริงๆ...พี่ว่ามันก้อเหมือนเป็นกำไรชีวิตนะ..