Monday, February 25, 2013

ห้าปีที่เปลี่ยนไป episode 3

เรื่องถัดไป     ก้อมีความสำคัญกับชีวิตของเราไม่น้อยเช่นกัน  นั่นคือระบบรักษาพยาบาล....


จำได้ว่า สองปีแรก...กว่าๆด้วยมั้ง ที่ครอบครัวเรามีความรู้สึกแย่กับการที่หมอที่นี่ไม่รับเป็น family doctor ให้ครอบครัวเรา  เพียงคำตอบง่ายๆ สั้นๆ และห่างเหินว่า  "เต็ม ไม่รับคนไข้เพิ่ม...."

และนี่คือหนึ่งในความรู้สึกที่เรารู้สึกว่าไม่เท่าเทียมกัน  เพราะเราเป็นผู้มาใหม่ในสังคม  เลยไม่มีที่ตรงนี้ให้ครอบครัวเรา  พี่หลายคนแนะนำครอบครัวเราว่า  ไม่เป็นหรอก....หากเรามีปัญหาไม่สบาย เราก้อสามารถไปหาหมอได้  ใน clinic ที่เค้ารับคนไข้ walk in อ่ะ  เราทำได้   แต่..ยุ่นได้เคยลองดูแล้ว มันแบบเหมือนเราเป็นขาจรอ่ะ  และหมอที่ยุ่นไปหาเนี่ย  คุยกับยุ่นเร็วมาก ยุ่นว่านะ ไม่เกิน 3 นาทีเสร็จจ่ายยาเลย...เร็วจนยุ่นรู้สึกถึงความไม่ใส่ใจ และไม่ไว้ใจในการวินิจฉัยโรคอ่ะ...

ยุ่นว่านะ...มนุษย์เราทุกคนก้ออยากได้สิ่งที่เรียกว่าดีที่สุด  และเท่ากับคนอื่น        ขณะที่เพื่อนรอบๆตัวเรา ทั้งคนไทย คนจีน คนฮ่องกง เค้ามี family doctor คอยดูแลอย่างดี   รู้ประวัติสุขภาพของเรา  แต่ครอบครัวเราไม่มี.... ณ.เวลานั้น .ยุ่นรู้สึกผิดหวัง...เสียใจ....น้อยใจ ....เจ็บใจ .....โกรธ     "คุณรู้สึกว่าทำไมคนอื่นได้ แล้วคุณไม่ได้  มันช่างไม่ยุติธรรมเลย !!!!" และเมื่อจิตใจเราถูกกระทบด้วยสิ่งเหล่านี้มากๆ  ครั้งแล้วครั้งเล่า และเราลุกขึ้นต่อสู้ เรียกร้องสิทธิเหล่านั้น  เราผิดมั้ย???


ยิ่งวันที่น้องยีน ตอนอยู่เกรด 11 มั้งมีอุบัติเหตุโดนศอกเพื่อนทิ่มตาระหว่างเล่นบาสที่โรงเรียน  ตาซ้ายเขียวจนถึงฮ้อเลือดสีม่วงๆแดงๆ บวมทั้งหน้า  คนเป็นพ่อแม่  พอเห็นหน้าลูกเนี่ย...หัวใจเราแทบสลาย  และวันนั้น ครอบครัวเราต้องพยายามหา walk in clinic เพื่อพาลูกไปหาหมอ  ยุ่นจำได้ว่าเราใช้เวลาเกือบทั้งวันในการหาคลีนิค  วันนั้นเป็นวันเสาร์และฝนตกหนักมาก....และนั่นเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ยุ่นกะห่งมีความรู้สึกแย่มากๆเลย  แต่ในที่สุด เราพยายามจนสำเร็จ  และเราสามคนก้อนั่งรถเมล์พาน้องยีนไปหาหมอในวันนั้น

 ณ.นาทีนั้น เชื่อมะ  ยุ่นเข้าใจสัจจธรรมข้อที่ว่า   คนที่ไม่ได้รับสิทธิที่ควรจะได้นั้น มันเป็นอย่างไร  เพราะตอนเราอยู่ไทย  เราไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้  คือเราสามารถที่จะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกเราได้  โดยใช้เงินของเรา...แลกสิ่งเหล่านี้มา  เราจึงไม่แคร์ว่าเราจะได้สิทธิในการรักษาพยาบาลจากรัฐหรือไม่....และระบบรักษาพยาบาลของรัฐบาลเป็นอย่างไร?


แต่ที่นี่..แม้คุณจะมีเงินก้อซื้อไม่ได้   เพราะเค้าไม่รับคุณเป็นคนไข้    หากคุณไม่ได้เข้าระบบ  ที่นี่โรงพยาบาลทั้งหมด เป็นโรงพยาบาลของรัฐ  ไม่มีเอกชนแม้แต่เจ้าเดียว  หมอตาม clinic ต่างๆ ก้อทำงานให้รัฐบาล...คือพูดง่ายๆ ทุกคนต้องเข้าระบบ..จึงจะได้รับการดูแลในเรื่องสุขภาพ...


แต่เราสามารถไปหา walk in clinic ได้ แต่หมอที่เราไปเจออาจเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ  และการไปหาหมอนั้น คุณต้องยอมเสียเวลาทั้งวัน เพราะคุณไม่สามารถนัดล่วงหน้าได้  คือพูดง่ายๆ ไปนั่งรอคิวที่คลีนิคเลย  ซึ่งส่วนใหญ่ก้อต้องมีชั่วโมงขึ้น  ที่ยุ่นเคยไปก้อประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงที่นั่งรอ....


แต่เมื่อครอบครัวเราสามารถเข้าระบบรักษาพยาบาลของที่นี่ได้   ประมาณสองหรือสามปีที่แล้ว   ชีวิตเราก้อเปลี่ยนไป  ครอบครัวเรามีความสุขมาก   ซึ่งต้องยกความดีความชอบนี้ให้ห่งเต็ม 100 %  เพราะเค้าเดินหา family doctor ทั้งตึก Oakridge เลย  เพื่อหาหมอที่ต้องการรับคนไข้ใหม่  และในที่สุดความพยายามของห่งก้อชนะใจพระเจ้า...55555  นอกจากนี้เรายังเผื่อแผ่แนะนำ family doctor ท่านนี้ให้กับเพื่อนคนไทยที่เพิ่งมาอยู่แวนคูเวอร์หลายๆครอบครัว  เพราะเราไม่อยากให้ครอบครัวเพื่อนคนไทยเจอสภาพและความรู้สึกแย่ๆแบบครอบครัวเรา...



หลังจากที่ครอบครัวเรามี family doctor ยุ่นรู้สึกอุ่นใจ และรู้สึกถึงความปลอดภัยในชีวิตนะ  อาจเพราะ case ลูกชายที่เจอตอนนั้น เรารู้สึกเหมือนชีวิตเราไม่มีที่พึ่งอ่ะ  อีกทั้งตอนนี้ทั้งห่งและยุ่นก้ออายุมากขึ้นมากขึ้น ร่างกายเราก้อเริ่มทรุดโทรมลง ต้องการการดูแลเอาใจใส่  ซึ่งหลังจากที่เราได้เข้าระบบ  เราก้อสามารถใช้สิทธิและได้รับบริการจากระบบสาธารณสุขของที่นี่  ซึ่งมีลักษณะแบบการป้องกันมากกว่าการรักษา  ยุ่นว่าดีมากๆเลย


family doctor จะมีประวัติของครอบครัวเราทุกคน  ทุกสิ่งอย่างในเรื่องสุขภาพจะถูกบันทึกไว้หมด  และเวลาจะไปหาหมอเราก้อโทรนัด เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ต้องนั่งรอนานแบบหลายๆชั่วโมง อาจมีบ้างที่รอเช่น 10-15 นาที  และเราได้รับการดูแลคอ่นข้างดี..และใส่ใจ..



เค้าจะมีเลยว่า หากเราอายุเท่านั้นเท่านี้เราต้องตรวจอะไร  เป็น list เลยนะ  และหมอก้อจะมีการ feed back และ follow up เราตลอด..หรือหากเรารู้สึกว่าเรามีอะไรผิดปกติ เราก้อปรึกษาหมอได้   เค้าจะดูว่าหากเรามีความเสี่ยงในเรื่องอะไร  เค้าก้อจะตรวจให้เราโดยละเอียด....



.เนื่องจากเราคือผู้มีรายได้น้อยในสังคม ฉะนั้น เราจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้น  ทุกอย่างที่เราไปหาหมอ  ได้รับการดูแล ตรวจเช็ค ฟรีหมด  รวมถึงการต้องผ่าตัดด้วยนะ    แต่หากเราต้องกินยา เราก้อจะต้องออกเอง ในอัตราส่วนตามรายได้ของเรา เช่นหากเรามีรายได้ระดับหนึ่ง  เราต้องจ่ายเท่าไร ประมาณนี้อ่ะ  ค่ายาไม่ฟรีนะ  หรือหากรายได้เราน้อยใช่มะ  ก้ออาจต้องจ่ายเองถึงระดับหนึ่งก่อน  เช่นอาจจะ 100 เหรียญต่อปี  พอเกินจาก 100 เหรียญ รัฐก้อออกให้ ประมาณนั้น...



พูดถึงเรื่องยา  ที่นี่จะมีการใช้ยาน้อยมาก เค้าจะใช้วิธีรักษาแบบธรรมชาติก่อน เช่นเวลาไม่สบาย เจ็บคอ หมอจะให้กลั้วคอด้วยน้ำเกลือก่อน ดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ  ไม่ค่อยจ่ายยา  ห่งบอกเวลาคนไข้มาซื้อยาเนี่ย..หากหมอเขียนในใบสั่งว่า 20 เม็ด  คนไข้จะขอเป็น 30 เม็ดก้อไม่ได้นะ  คือต้องตามจำนวนที่หมอเขียนมาเป๊ะๆเลย.. รัฐบาลมีการควบคุมการใช้ยาค่อนข้างมาก ( ยาหมวดที่ควบคุม ต้องจ่ายตามใบสั่งเท่านั้น ) และทุกสิ่งอย่าง ประวัติคนไข้ ประวัติการใช้ยา  บันทึกในคอมพิวเตอร์หมดเลย....



และนี่ก้อเป็นด้านสาธารณสุขของแคนาดา  ซึ่งถามยุ่นในวันนี้ วัยนี้ ก้อคงต้องบอกว่าสำคัญมากในระดับหนึ่ง เพราะมันเป็นอะไรที่ใกล้ตัวยุ่นมากขึ้น  ซึ่งแน่นอนธรรมชาติของมนุษย์เราต้องการสิ่งที่ดีที่สุด และยุ่นเองรู้สึกดีนะเมื่อเราได้รับสิ่งดีๆเหล่านี้จากรัฐบาล...เพราะประชาชนต้องจ่ายภาษีให้รัฐบาล และรัฐบาลก้อได้นำเงินภาษีของประชาชนมาบริหารจัดการคืนความสุขให้กับประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม  




จึงอดย้อนคิดถึงบ้านเราไม่ได้   ว่าที่ผ่านมายุ่นไม่เคยสนใจว่ารัฐบาลจะให้บริการด้านสาธารณสุขกับประชาชนดีหรือไม่ อย่างไร    และยุ่นก้อเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้ใช้ แม้จะมีสิทธิที่จะใช้   เพราะยุ่นมีทางเลือกจากรายได้ที่ดีของตัวเอง.... แต่หากยุ่นไม่มีทางเลือก  ยุ่นเป็นคนจนหละ  ฉะนั้น ชั่วโมงนี้ ยุ่นจึงเข้าใจแล้วว่าระบบสาธารณสุขที่ดีต่อประชาชนในประเทศนั้นมีความสำคัญมากอย่างไร...อย่างที่ได้เคยบอกไว้ในตอนต้นว่า เจอเองแล้วจะเข้าใจ...







No comments:

Post a Comment