Wednesday, June 26, 2013

ความตรงไปตรงมาของคนแคนาดา

จริงๆอยากตั้งหัวข้อว่า "ความตรงไปตรงมาของฝรั่ง"  แต่บังเอิญว่าตัวอย่างที่จะยกนี้เป็นชาวเอเชียที่เกิดที่แคนาดา หรืออยู่ในแคนาดามาเป็นเวลา 30-40 ปีแล้ว...  ซึ่งเราก้อคงต้องบอกว่า แนวคิดของพวกเค้าก้อคือชาวตะวันตกนั่นเอง

นับตั้งแต่ช่วงปีแรกที่มาอยุ่ที่นี่ จนถึงวันนี้ สิ่งหนึ่งที่ยุ่นสัมผัสได้คือความตรงไปตรงมาของคนที่นี่ แบบคิดอย่างไรก้อพูดออกมา ไม่เสแสร้ง...ทีแรก..ยุ่นก้อไม่คุ้นนะ   แต่ตอนนี้ก้อเรียกว่าค่อนข้างคุ้นเคยหละ..

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เสาร์ที่ 22 ก้อไปบ้านพี่ประเวศกะพี่ต้อย...พี่ต้อยก้อไปซื้อต้น apple กะ cherry มาปลูก...ขณะที่กำลังลงดินปลูกต้นไม้  ข้างบ้านชาวฮ่องกงแต่มาอยุ่ที่นี่ตั้งแต่สาวๆ  ก้อน่าจะ 30-40 ปีแล้ว..ก้อขอเข้ามาสำรวจการปลูกต้นไม้ของพี่ต้อย พี่ต้อยบอกยินดีจ๊ะ... Angela ก้อเดินเข้ามาดูและแนะนำว่าน่าจะวางต้นไม้ตรงนี้ตรงนั้นเพราะอะไรก้อว่าไป...

เสร็จ  พี่ต้อยก้อบอก Angela ไอให้ดินอยู่ถุงหนึ่งนะ คือพี่ต้อยมีดินอยู่ 2 ถุง และคิดว่าน่าจะใช้ไม่หมด และ Angela ก้อแบบมีน้ำใจมาให้คำแนะนำ และเมื่อไม่นานก้อให้ต้นไม้ป้ามาต้นนึง...ป้าก้อเลยอยากตอบแทนอะไรบ้าง...

Angela ก้อบอกว่า ขอบคุณมาก แต่อย่าเพิ่งให้ไอเลย เพราะยูเพิ่งเริ่มการปลูก ยูจะรู้ได้ไงว่าดินที่มีเนี่ยมันพอหรือเหลือ  คุณเพิ่งเริ่มต้นแรก ยังมีอีก 2 ต้น หากคุณให้ชั้นแล้วดินไม่พอ  คุณก้อต้องไปหาซื้อใหม่ เกิดขาดเพียงถุงเดียว คุณต้องไปซื้อใหม่ เพื่อมาลง เสียเวลา...เสียเงินเพิ่มด้วย ไม่เอา หากคุณปลูกเสร็จเรียบร้อย และเหลือเฟือ คุณไม่ได้ใช้จริงๆ  ค่อยให้ชั้นได้ แต่ตอนนี้ ชั้นไม่เอา...

ยุ่นยืนอยู่ได้ฟัง..คือยุ่นชอบนะ  มันตรงไปตรงมาดี และมีเหตุผลและก้อถูกต้องนะ...คือมันสบายใจทั้งผู้รับและผู้ให้อ่ะ...


ก้อคิดถึงตัวเอง..คือยุ่นเป็นคนนึงหละที่เกรงใจ ยุ่นว่ามันคงเป็นวัฒนธรรมของไทยเราที่เราติดตัวมาตั้งแต่เด็ก  ตอนมาที่นี่ช่วง2 ปีแรก จำได้ว่ามีวันนึงไปบ้านพี่ประเวศอีกเช่นกัน พี่เค้าถามว่า ยุ่นอยากได้พริกน้ำส้มมั้ย ผมทำให้...ในใจเนี่ย..ยุ่นอยากได้มากเลยอ่ะ แต่ปากก้อตอบออกไปว่า " ไม่เป็นไรค่ะ พี่.."  พี่ประเวศก้อเป็นคนตรงอีกคนนึง ก้อเลยถามว่า ไอ้ไม่เป็นไรเนี่ย อยากได้หรือไม่อยากได้...5555 ยุ่นก้อเลยรับมุกว่า  ก้ออยากได้เหมือนกันค่ะพี่...งั้นขอขวดหนึ่งนะค่ะพี่....ก้อเลยเรียกเสียงฮา  หัวเราะกันทั้งคนให้คนรับ....5555


วันก่อน..มิสติงโทรมา ก้อพอดีจังหวะเดียวกับที่ยุ่นกำลังจะโทรไป เพราะยุ่นอยากทำข้าวเหนียวมะม่วงให้มิสติงกะมิสเตอร์ติง...เพราะยุ่นรู้สึกเสมอมาว่ามิสติงเป็นคนให้โอกาสยุ่นในการได้งานทำที่แวนคูเวอร์ และมิสติงเค้าจะค่อนข้างเอ็นดูยุ่นมาก...ก้อเลยนัดกันว่ายุ่นจะทำข้าวเหนียวมะม่วงให้มิสวันจันทร์นี้นะ  มิสบอกงั้นเรามากินข้าวกันสักมื้อมั้ย...ยุ่นบอกไม่เป็นไร  อันนี้ยุ่นหมายความอย่างนั้นจริงๆ  เพราะยุ่นไม่ค่อยว่าง และรู้ว่ามิสเองเค้าก้อยุ่งๆกับการย้ายบ้าน...มิสก้อถามว่า Are you sure?  เราก้อบอก Yes, I am. จากนั้น จบครั้งเดียวสำหรับคนที่นี่ ไม่มีถามต่อหรือตื้อ...ยุ่นสังเกตุเป็นแบบนี้ทุกคน...เป็น culture ของเค้า แต่ถ้าอย่างบ้านเรา  สมมติยุ่นชวนเพื่อนมากินข้าว ใช่มะ  เค้าบอกไม่เป็นไร  ยุ่นก้อจะบอกไม่เป็นไร มาเหอะ  มาเหอะ  ก้อคุยกันจนเพื่อนมากินที่บ้านเรา  ซึ่งเราก้อไม่แน่ใจว่าจริงๆเพื่อนเค้าอาจไม่ว่างหรือเปล่า  แต่เราก้อจะอยากกินข้าวกะเพื่อน...อะไรประมาณนั้น..แต่ที่นี่..ตรงไปตรงมา ครั้งเดียวเป็นอันเข้าใจ ...และเค้าก้อคิดหรือหมายความอย่างนั้นจริงๆ...


เรื่องสุดท้าย  เมื่อวาน ก้อแบบเลี้ยงส่งครูผู้ช่วย 2 คน Kathleen กะ Sarah เค้าจะลาออกจากคุมอง Kathleen เนื่องจาก schedule ของเทอจะเรียนหนักมากในเทอมหน้า จึงคิดว่าคงจะทำต่อไม่ไหว  ส่วน Sarah ยุ่นก้อถามว่า  Sarah จบแล้วได้งานใหม่ใช่มะ  Sarah บอก ไม่ ยังไม่ได้งาน     แต่ไม่อยากทำงานคุมองแล้ว ทำมา 6 ปีแล้ว มันมากเกินพอแล้ว ไม่ไหวแล้ว...และที่สำคัญคือเค้าก้อพูดต่อหน้ามิสแรนเจ้าของศูนย์นะ  คือ Sarah ก้อหมายความอย่างนั้นจริงๆ คืออิ่มตัวแล้ว  แม้จะยังไม่ได้งานอะไรก้อตาม แต่ต้องการหยุดทำงานนี้แล้วจริงๆ....ซึ่งยุ่นเองฟังก้อไม่รู้สึกว่าเค้าพูดไม่ดีนะ  คือเค้าพูดจริงใจนะ  แบบเป็นอย่างที่เค้าบอกอ่ะ  และคนที่นี่เค้าก้อเข้าใจนะ  เค้าไม่ได้คิดว่านี่เป็นการพูดแบบไม่ให้เกียรติ...หรือไม่สุภาพ  มิสแรนเค้าก้อเข้าใจ ยุ่นว่าเป็นความตรงไปตรงมาที่ยุ่นเรียนรู้ว่า...ดีเหมือนกันอ่ะ...คือเราคิดอย่างไร เราก้อบอกไปอย่างนั้น ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ....ให้เค้าเข้าใจผิด หรือให้ตัวเราคนพูดดูดีเสมอ..

และก้อยังจำได้เลยว่า แจงเพื่อนเภสัชเคยเล่าให้ฟังว่าตอนไปที่เมกา เพื่อนต่างชาติ จำไม่ได้ว่าชาติอะไร ทำอาหารมาให้แจงกิน พอแจงกินแล้วไม่ชอบ แจงก้อบอกเค้าตรงๆเลย เพราะเค้าจะได้ไม่ต้องทำมาให้แจงกินอีก คือเค้าก้อไม่เสียของ แจงก้อไม่ต้องทนกินของที่ไม่ตัวเองไม่ชอบหรือทิ้งของที่เค้าเอามาให้เราแต่เราไม่กิน....อึม..ก้อเรียกว่า..แจงเพื่อนเรา..ก้อเป็นหนึ่งในคนตรงไปตรงมาเช่นกัน...^^

อ๋อ..น้องยีนก้อเคยเล่าให้ฟังว่า ยีนไปกินข้าวบ้านเพื่อนที่นี่  แบบแม่เค้าก้อแบบอยู่ที่นี่นานมากแล้วอ่ะ คือเรียกว่าเป็นคนที่นี่เลย เพื่อนอีกคนกินอาหารที่เค้าทำไม่ลง คือเค้ารู้สึกไม่ถูกปาก  แม่เพื่อนบอกไม่ต้องกิน  กินไม่ได้วางไว้ ไม่ต้องฝืน...คือเค้าหมายอย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้ประชด หรืออะไรเลยนะแม่...อันนี้ก้อเป็นสิ่งที่ยีนได้เรียนรู้ว่า คนที่นี่เค้าตรงไปตรงมา พูดอย่างไรก้อหมายความว่าอย่างนั้น  ยีนจะบอกยุ่นเรื่อยว่า แม่เวลาคนที่นี่เค้าพูดอะไร บอกอะไร ไม่ต้องคิดมาก คือเค้าหมายความตามนั้นจริงๆ...

และนี่ก้อคือสิ่งที่ยุ่นได้เรียนรู้ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เกือบ 5 ปี  มันคือความตรงไปตรงมา...และจริงใจดี  เพราะเค้าพูดอย่างที่เค้าหมายความอย่างนั้น...ไม่ได้มีความคิดว่าต้องพูดเพื่อมารยาทเพื่อให้ผู้พูดรู้สึกดี  แต่จริงๆเบื้องหลัง...ไม่ได้เป็นอย่างที่พูด...และความจริงเหล่านี้ ก้อไม่ได้ทำร้ายจิตใจผู้ฟัง  เพราะเค้าพูดด้วยโทนเสียงปกติอย่างตรงไปตรงมา...หรือพูดง่ายๆคือปากกะใจตรงกัน...:)

2 comments:

  1. เก๋ว่าสำนวน "หน้าไหว้ หลังหลอก" นี่มันก็บอกนิสัยของชนชาติเราได้จริงๆ เนอะ ^^

    ReplyDelete
  2. เก๋...แรงแต่ตรงใจอ่ะ..

    ReplyDelete