พูดถึงความรู้สึกของมนุษย์เนี่ย..เวลาเราเปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง เช่นเราอยู่เมืองไทยเราก้อรู้สึกมีหลายเรื่องที่เราไม่ชอบ อยู่แล้วอึดอัด..รำคาญจิตใจ..ไม่สบายใจ ไม่ได้ดังใจ...โดยเฉพาะเรื่องการเมืองของบ้านเรา...ซึ่งมันก้อเลยทำให้บ้านเมืองเราพัฒนาไปไม่ถึงไหนสะที..เพราะเรามัวแต่ทะเลาะกัน..ไม่ได้มีความรักชาติอย่างแท้จริง..รวมไปถึงระบบการศึกษา สาธารณะสุข..ขนส่งมวลชน และอื่นๆอีกมากมาย...
แต่จริงๆแล้ว ยุ่นว่าอากาศที่อบอุ่นของเรา..หรือที่จะเรียกให้หรูก้อคือภูมิอากาศที่ดีของเรา...และภูมิประเทศที่ดีของเรา ไม่มีแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด...หรือพวกภัยธรรมชาติที่ร้ายแรง....อาหารการกินที่ถูกและมากมายของเรา .. ค่าแรงที่ไม่สูงมาก..ทำให้พวกเรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างสะดวกสบายในระดับหนึ่งเลยแหละ...เมื่อเทียบกับพวกประเทศที่อยู่ในแถบอากาศหนาวเย็น...ชีวิตพวกเค้าลำบากกว่าเราเยอะ...หลายเท่าตัว และเค้าก้อมีความอดทนสูงมาก..เลย...
แต่..ก้ออย่างว่าใกล้เกลือกินด่าง เราก้อยังรู้สึกว่าเมืองไทยไม่ค่อยดีเท่าไร..ต่างชาติ..อเมริกา..ญี่ปุ่น จีน..แคนาดา หรือพวกยุโรปเค้าดีกว่าเรา..
ซึ่งแต่ก่อนยุ่นก้อมีความคิดแบบนี้เหมือนกัน..แต่หลังจากที่ได้มาสัมผัสชีวิตของพวก North America ซึ่งก้อคือ Canada กับอเมริกา เค้าจะมีชีวิตความเป็นอยู่คล้ายคลึงกันมาก...ก้อน่าจะสรุปได้ว่า...สังคมมนุษย์..มันก้อเหมือนกันทุกที่แหละ..มีดีมีเสียปะปนกันไป..เพียงแต่เวลาเราไปเที่ยวหรืออยู่แป๊บๆ เราไม่รู้หรอก...แต่พอได้อยู่สักระยะนึง...เรารู้มากขึ้น...มันก้อเหมือนๆกัน เพียงแต่เราคงต้องเลือกว่า เราชอบที่จะอยู่ในสังคมแบบไหนมากกว่า....ชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีข้อเสียเอาเอง...
อย่างทีแรกมาแวนคูเวอร์ก้อรู้สึก..มาตรฐานชีวิตของคนที่นี่สูงกว่าบ้านเรา..อาหารการกินสะอาด..รัฐบาลควบคุมดูแลมากกว่า...อากาศก้อบริสุทธิ์กว่าบ้านเรา..ชีวิตสบายๆ ไม่เคร่งเครียด...ดูๆก้อเป็นที่ๆน่าอยู่เหมือนกัน...
แต่พอได้อยู่ไปนานๆ...เวลาเราเรียนหนังสือ..ครูที่สอนเรา ที่เป็น Canadian เค้าก้อบ่นว่ารัฐบาลให้ฟังเหมือนกัน...ตอนนี้เค้า lay off ครูออกมากมาย ตัดงบเรื่องการศึกษา ครูจบมาไม่มีงานทำเพียบ..หรืออย่างไอ้ Olympic ปีที่แล้วที่แวนคูเวอร์เป็นเจ้าภาพ ก้อแบบเอาเงินภาษีของประชาชนมาใช้จ่ายมากมาย และก้อกู้เงินมาด้วย ตอนนี้เนี่ยพวกเราแต่ละคนเป็นหนี้คนละเท่านั้นเท่านี้นะ...เค้าก้อบ่นๆกัน...
หรืออย่างแถว China town โดยเฉพาะตรง Hasting street เนี่ย เป็นดงพวก homeless เลย ซึ่งก้อคือขอทานบ้านเรานั่นเอง....แบบสกปรกและดูแย่มากๆเลยในแวนคูเวอร์ ยุ่นว่าเป็นภาพที่ยุ่นเกลียดและกลัวมากเลย..ซึ่งรัฐบาลก้อแก้ไขอะไรไม่ได้ และขอโทษเงินภาษีที่เราจ่ายให้เค้า เค้าก้อมาดูแลพวก homeless ด้วย..ซึ่งส่วนใหญ่ก้อเป็นฝรั่งนะ..เอเชียไม่มี homeless นะ...เพราะคนเอเชียจะขยันทำมาหากิน... homeless เนี่ย..เค้าก้อคิดว่ารัฐบาลเลี้ยง ก้อไม่เห็นหางานหาการทำเลย..ซึ่งยุ่นไม่เห็นด้วยกับระบบคิดแบบนี้นะ...
หรือล่าสุด..โรงเรียนยีน..เด็กฝรั่งนะ เกรด 10 ถูกต่างโรงเรียนเด็กจีน..รุมทำร้ายให้คุกเข่าขอโทษเพราะไปว่าเด็กจีนตอนเล่นเกมส์ว่าเล่นเกมส์ได้ห่วยอะไรประมาณนี้ ไอ้เด็กจีนคนนี้โกรธมาก..เลยมาทำร้ายถึงโรงเรียน เล่นเอาไอ้เด็กฝรั่งคนนี้มือหักเลย...และเด็กฝรั่งก้อไม่กล้าบอกว่าใครทำร้าย เพราะกลัวว่าครั้งหน้าไอ้เด็กจีนกับพวกมันเอาตายเลย...เด็กในโรงเรียนหลายคนก้อรู้แต่ไม่กล้าปริปากบอก...นี่ก้อคือมาเฟียชัดๆ..
และอีกอย่างที่ยุ่นยังทำใจไม่ได้ก้อคือ..ที่นี่แบบเวลาเราไปหาหมอเนี่ย ฟรีหมดเลยนะ..แต่ซื้อยาเราต้องเสียเงินเอง ขึ้นกับว่าเรามีรายได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าน้อย รัฐก้อช่วย แต่มากเราก้อต้องควักเงินจ่ายเอง..อันนี้ยุ่นรับได้
แต่ที่รับไม่ได้คือ..เวลาไม่สบายหนักๆต้องเข้าโรงพยาบาล แบบมันตามคิวอ่ะ..ยกตัวอย่างเช่น สมมติเราท้องจะคลอดลูกใช่มะ..แบบใกล้วันแล้ว...บางทีปวดท้องมากแต่ยังไม่มีวี่แววจะคลอด เค้าจะให้กลับบ้านก่อน..แบบต้องรอจนเหมือนกับหัวลูกเราจะโผล่ออกมาจริงๆนะ..เราถึงจะได้เข้าไปทำคลอด..แบบคิวยาวเป็นกิโลเลยอ่ะ...มีเพื่อนคนไทยคนนึงเค้าคลอดที่นี่เค้าบอก..มันเป็นอย่างนั้นเลย..เค้าไม่ให้อยู่โรงพยาบาล เค้าให้กลับบ้านก่อน จนถึงเวลาจริงๆค่อยมา..แล้วก้อคลอดเสร็จสองวันก้อต้องออกจากโรงพยาบาลนะ..เพราะมีคิวอื่นรออยู่...โรงพยาบาลไม่มีเตียงว่าง หรือที่ว่าง....นอกจากนี้โรงพยาบาลเอกชนก้อไม่มีอีกด้วย
หรืออย่างสามีมิสติง เค้าจะผ่าตัดมือเค้า..เนื่องจากแกมีเส้นสายลูกสาวเป็นหมอ...คิดจะผ่าก้อนัดหมอได้ผ่าอาทิตย์หน้าเลย แต่ถ้าอย่างคนทั่วไป ไม่รู้จักใครมิสบอกหกเดือนยังไม่รู้จะได้ผ่ามั้ยเลย...ซึ่งอันนี้..ยุ่นไม่ชอบอ่ะ..ทำใจไม่ได้...จริงอยู่ทุกคนเท่าเทียมกัน...แต่ก้ออีกแหละ..มันไม่จริง...ความยุติธรรมหายากจริงๆ..ยุ่นยอมจ่ายสตางค์แล้วหาหมอบ้านเรานะ...ถ้าให้เราต้องรอแบบไม่รู้วันเวลา รับไม่ได้...
อึม เข้าโรงพยาบาลที่นี่เราก้อไม่ต้องจ่ายสตางค์นะ..เพียงแต่เราต้องมีใจที่อดทนรอคอยเท่านั้น..เหมือนเวลาดูหนังฝรั่ง..แล้วเห็นเค้าเป็นคิวรอกัน..ก้อคือเหตุผลแบบนี้เลย...ตอนนี้นะ เข้าใจลึกซึ้งเลย..
อ้อ..อีกอย่าง family doctor แบบทุกครอบครัวต้องมี family doctor ไง ซึ่งครอบครัวเราก้อโทรศัพท์หา..แต่เค้าไม่รับอ่ะ เค้าบอกเต็ม..เต็ม..เซ็งมากเลย จนถึงวันนี้ครอบครัวเราก้อยังไม่มี family doctor เราก้อกินยาไอ้ที่เราเอามาจากเมืองไทยนั่นแหละ..ก้อไม่รู้สวัสดิการด้านรักษาพยาบาลเราจะทำไปทำไม..ยังไม่เคยได้ใช้เลย..สองปีที่ผ่านมา ก้อไม่ได้มีประโยชน์กับครอบครัวเราเท่าไรนัก..แต่มันเป็นกฏนะ..เราต้องทำ..ไอ้ที่ทำเนี่ย ก้อต้องจ่ายสตางค์นะค่ะ...มีมีอะไรได้มาโดยไม่ใช้เงินอย่างแน่นอน...สำหรับ North America....
และพอได้ฟังเรื่องนี้เรื่องโน้นมากเข้า..เช่น พวกคนจีนเนี่ย..อึม จีนแผ่นดินใหญ่นะ..ที่มาแวนคูเวอร์ส่วนใหญ่จะค่อนข้างรวย..สามีก้อจะส่งภรรยาและลูกมาที่แวนคูเวอร์...ซื้อบ้านมากกว่าหนึ่งหลัง..หลังนึงก้ออยู่เอง หลังสองหลังสามก้อซื้อไว้เก็งกำไร..จึงทำให้ราคาบ้านในแวนคูเวอร์สูงเอาสูงเอา..จนตอนนี้..รับไม่ได้หลังนึงเป็นล้านเหรียญ..คือสามสิบล้านบาท...ทั้งที่แต่ก่อนสองแสนกว่าเหรียญ..หรือแม้กระทั่งฝั่ง east ซึ่งราคาบ้านแต่ก่อนไม่สูงมาก..เดี๋ยวนี้ราคาก้อเหยียบเจ็ดถึงแปดแสนเหรียญเหมือนกัน..
ซึ่งตรงนี้รัฐบาลไม่ควบคุมเพราะชอบไง..แบบมีคนเอาเงินมาลงทุนในประเทศเค้าก้อชอบสิ...รัฐก้อสามารถเก็บภาษีนั่นภาษีนี่ได้เพิ่ม...แต่เค้าไม่ได้นึกถึงว่าประชาชนที่อยู่จริงๆเนี่ย จะซื้อบ้านซื้อช่องกันยังไง..ทอมบอกไม่มีทางเลยที่เด็กรุ่นใหม่หลังจากนี้จะซื้อบ้านเองได้..ราคามันแพงมั่กๆ..หรือแม้แต่ apartment ก้อยังหนักหนาสาหัสเลย...ยุ่นมองว่าราคาบ้านกับรายได้ประชากรที่หาได้มันไม่สัมพันธ์กัน...มันเป็นแค่คนกลุ่มเดียวที่เข้ามาซื้อและปั่นราคาบ้าน...แต่รัฐบาลก้อไม่สนใจที่จะแก้ปัญหา...อย่างจริงจัง..
เฮ้อ..พอได้ยินได้ฟังมากๆเข้า..ยุ่นก้อคิดว่า เฮ้อ..มันก้อเหมือนกันทุกที่เลย...รัฐบาล..ก้อไม่ได้สนใจประชาชนจริงๆ...เพียงแต่ว่าที่นี่เค้ามีการวางรากฐานมาอย่างเป็นระบบระเบียบมากกว่าเรา..และกฎเกณฑ์เค้าก้อหนักกว่าเรา..แบบทำผิดก้อปรับหนัก...คนก้ออยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ไง..และก้อมีระบบควบคุมในระดับหนึ่ง...การคอรัปชั่นก้ออาจน้อยกว่าเรา...รึปล่าวไม่รู้ !?!
แต่สิ่งหนึ่งที่ยุ่นหวั่นมากคือ..พวกคนจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาเยอะมากๆ...และพวกคนจีนเนี่ย..ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด..ทั้งโกง ทั้งไม่ค่อยมีระเบียบ ทั้งเห็นแก่ตัวสุดๆ...และเป็นชุมชนที่ใหญ่มาก...และคุมเศรษฐกิจของที่นี่... พี่อ้อม..เรียกคนจีนพวกนี้ว่าจีนที่ยังไม่พัฒนา..ซึ่งนับวันก้อมีมากขึ้นมากขึ้นในแคนาดา..ซึ่งทำให้ยุ่นเองช่วงหลังเนี่ย...รู้สึกว่าเราไม่ใช่คนจีนแบบเค้า เราเป็นคนจีนที่อยู่ในเมืองไทย Thai Chinese ซึ่งพี่อ้อมบอกเราคือจีนที่พัฒนาแล้ว 55555 เห็นด้วยค่ะ...^^
และนี่ก้อคืออีกมุมหนึ่งในแวนคูเวอร์...ที่ยุ่นค้นพบหลังจากที่อยู่มาเกือบสองปีแล้ว...ยุ่นว่านะ..ยังไงยุ่นก้ออยากกลับไปตายที่เมืองไทยดีกว่า.. ถึงใครจะว่าแวนคูเวอร์เป็นเมืองที่น่าอยู่เมืองหนึ่งในโลก...ก้อสู้บ้านเราไม่ได้...ที่ได้อยู่กับพ่อแม่พี่น้อง..เพื่อนพ้องกันพร้อมหน้า...นั่นคือสิ่งที่ยุ่นพอใจ แค่นั้นแหละ...
เหมือนเราอยู่ในบ้านที่ใหญ่โตสวยงาม....หรูหรา..มีระบบรักษาความปลอดภัยสูง..อาหารการกินอย่างดี...แต่ถ้าในบ้านหลังนั้น..แต่ละที่ แต่ละมุมในบ้าน...มันไม่มีความหมายอะไรสำหรับเรา...บ้านใหญ่หรูหลังนั้น.. ก้อเป็นบ้านธรรมดาๆหลังหนึ่งที่ไม่ได้มีความน่าอยู่อะไรมากมายในความรู้สึกของยุ่น...
ยุ่น น้องรัก
ReplyDeleteได้รับรู้ชีวิตของยุ่นใน vancouver ที่ส่งมาให้แล้ว กล้วยบวดชีก็น่ากินมากแต่ไม่มีโอกาสชิม ก็เลยไม่รู้ว่าจะอร่อยจริงหรือเปล่า ฮิฮิ กลับมาแล้ว ยุ่นมาพิสูจน์หน่อยนะ ส่วนน้องยีน ดูจากในรูปแล้วน่าจะหล่อเกินพ่อนะ เป็นหนุ่มน้อยที่ดูดีมีความสามารถ น่าภูมิใจจริงๆ ส่วนสังคมทีต่างแดนที่ยุ่นเล่ามา มันก็เป็นอย่างนั้นในทุกๆประเทศแหละ อยู่ที่ว่าเราอยู่ที่ไหนแล้วรู้สึกว่าเหมาะกับเราที่สุด มีความสุขในการใช้ชีวิตที่ไหนมากกว่ากัน ในวันนี้ยุ่นอาจจะหงุดหงิดในบางอย่างที่ไม่ได้คิดไว้ว่าจะมีหรือเกิดขึ้นที่ แคนาดา แตถ้ายุ่นได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลาซัก 4-5ปีขึ้นไป แล้วยุ่นกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทยอีกครั้ง ยุ่นก็จะต้องหงุดหงิดมากว่าทำไมเมืองไทยถึงเป็นยังงั้นยังงี้นะ ไม่มีระบบระเบียบเลย ทำไมไม่เป็นยังงั้นยังงี้ ทำไมวุ่นวายจัง โดยเฉพาะน้องยีนถ้าอยู่เมืองนอกนานๆ กลับมาเมืองไทยจะต้องรู้สึกอย่างนี้แน่ๆ แล้วก็ต้องปรับตัวกันอีกพักใหญ่กว่าจะทำใจได้ตามสไตล์ไทยๆ เคยมีบางคนที่ไม่อาจกลับมาอยู่แบบไทยๆได้อีกแล้ว วันนี้คุยเท่านี้ก่อนนะจ๊ะ
พี่เหน่ง
เห็นด้วยกับพี่เหน่งเค้าเหมือนกัน มันก็คงเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับเราโตขึ้นมาในบ้านเกิดเรา เห็นสิ่งที่ชอบ ไม่ชอบใจ แล้วก็มีพอใจ หงุดหงิดรำคาญใจบ้าง.. ซึ่งตอนนี้ พี่อยู่ที่แวน มาได้สักระยะนึงแล้ว ก็คงได้เจอมุมที่ตัวเองยังไม่เคยเห็น ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ บางอย่าง ก็รู้สึกดี บางอย่างก็รู้สึกว่า ไม่ประทับใจเลย ซึ่งจริงๆแล้ว มันก็เป็นธรรมดาอย่างนั้นแหละ และมันอาจจะเป็นอย่างนี้มานานแล้วก็ได้ แต่เราไม่รู้เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ถ้าพี่อยู่ที่แวนไปนานๆ พี่ก็อาจไม่ชินกับการอยู่เมืองไทย ก็เป็นได้ เหมือนเพื่อนเรา ก็ได้แต่กลับมาเยี่ยมญาติที่เมืองไทยนะ ซึ่งก็อยู่ที่นั่น(อเมริกา)เป็น10ปีแล้ว แต่ยังไง ทุกอย่างล้วนไม่แน่นอน ก็ไม่อยากให้พี่กังวลว่าที่ไหนเหมาะกับเรา แต่อยากให้พี่ชื่นชมกับสิ่งที่เราได้เจอ ได้เป็นอยู่ในขณะนี้ดีกว่าด้วยความสบายใจ ในที่สุด เราคิดว่า คำตอบมันจะมาเองแหละ ^^
ReplyDelete