Saturday, October 2, 2010

การเขียน paragraph 2

สำหรับการเขียน paragraph หรือ essay ที่นี่ เค้าจะมีหลักหรือโครงสร้างประมาณนี้ ซึ่งเวลาครูตรวจจะดูว่าเรามีโครงสร้างเหล่านี้ครบมั้ย และยิ่งเป็น essay เนี่ย เห็นเค้าบอกว่าเค้าจะอ่านแค่ introduction ของเรา ถ้าไม่เข้าท่า เค้าก้อแทบจะไม่อ่านต่อเลย...

เพราะเด็กที่สอบ provincial 12 สอบทั่วประเทศ เขียน essay คนละสามเรื่อง คิดเล่นๆว่าสอบ 5000 คนก้อหมื่นห้าพันเรื่อง...ถ้าค่อยๆอ่านทุกบรรทัด คงตรวจไม่เสร็จเป็นแน่แท้...ฉะนั้น ทอมก้อพูดมีเหตุผล...

 การเขียน paragraph ในแต่ละเรื่องราวที่ยุ่นเล่าใน supporting sentences จะต้องมีการเชื่อมด้วย Coherence ที่เหมาะสม ทำให้ paragraph ที่เราเขียนเนี่ย อ่านแล้วไหลลื่น มีตัวเชื่อมต่อเวลาเราจะเล่าประเด็นต่อไป..

การเขียน paragraph มีหลายแบบเช่น description ไม่แน่ใจว่าใช่คำนี้มั้ย แบบเหมือนเล่ารายละเอียด...หรืออาจเป็นแบบเปรียบเทียบ comparison/contrast หรืออาจเป็น cause/effect ขึ้นกับว่าเราอยากเขียน style ไหน...แต่เวลาเรียนครูจะบอกเลยว่าครั้งนี้เขียนแนวนี้ ครั้งนี้เขียนแนวนั้น แต่ถ้าไม่ได้บอกก้อ free style...

นอกจากนี้ จุดสำคัญของการเขียน essay คือไม่ต้องพรรณนามากเกิน เอาให้ตรงประเด็น ใช้คำศัพท์ง่ายๆให้ผู้อ่านเข้าใจเรา ไม่ต้องไปสรรหา big word มา...คือพูดง่ายๆเราคิดไงก้อเขียนแบบนั้น แต่ให้ถูกหลัก grammar อีกทั้งในหนึ่ง paragraph ไม่ควรเขียนมากกว่า 10 ประโยค 10เนี่ยเค้าถือว่าเยอะนะ..ครูบางคนบอกหกหรือเจ็ดประโยคก้อพอแล้ว...ไม่ต้องยาว แต่ขอให้ตรงประเด็น...

ยุ่นว่าอันนี้เนี่ย..ทีแรกยุ่นทำไม่ได้นะ..เพราะไอ้เราก้อจะบรรยายอยู่นั่นแหละ กลัวเค้าไม่เข้าใจ ตอนหลังเริ่มรู้แล้วว่า เราเขียนแบบน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหลงเหลง...เลยต้องตัดประโยคที่ไม่จำเป็นออกให้หมด...5555 เพราะทีแรกคิดว่ายาวแปลว่าดี...แต่จริงๆคือเพ้อเจ้อ...

การเขียนเพียงแค่ introduction paragraph ของ Essay  มีการเขียนถึง  6  วิธีที่แตกต่างกันดังนี้ :

1. Begin with a broad , general statement of your topic and narrow it down to your thesis statement. เหมือนกับเล่าเรื่องทั่วๆไป แล้วให้มาจบลงประเด็นที่เราจะกล่าวใน essay ของเรา

2. Start with an idea or situation that is the opposite of the one you will develop. แบบเหมือนประเด็นเราจะบอกการไปหาหมอฟันเราไม่ชอบ แต่เราจะเกริ่นก่อนด้วยคนอื่นๆเค้าชอบไปหาหมอฟันเพราะอะไร แต่มาจบที่ประเด็นเราว่าเราไม่ชอบ...

3. Explain the important of your topic to the reader. ก้อแบบตรงๆคือเล่าเลยว่าประเด็นที่เราจะพูดเนี่ยสำคัญอย่างไร

4. Use an incident or brief story. ยกเรื่องหรือเหตุการณ์ที่มันเกี่ยวโยงกับประเด็นที่เราจะพูด...

5. Ask one or more questions. ถามคำถาม เช่น what is love? How do we know that we are really in love? .bra...bra...bra...แล้วก้อเข้าประเด็นเรื่องความรักในทัศนคติของเราสำคัญอย่างไร...

6. Use a quotation. แบบไปยืมคำพูดของชาวบ้านมาเกริ่นนำ intro ของเรา ซึ่งเราต้องบอกว่าเราเอามาจากไหนด้วย..เช่น เรากำลังจะเขียนว่าประสบการณ์ที่เราเรียนรู้จากครอบครัวเรา..เราก้ออาจ quote ด้วยสุภาษิตไทยที่ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น อะไรประมาณนี้ แล้วก้อโยงให้เข้าประเด็นที่เรากำลังจะกล่าว

และครูที่นี่เนี่ย เก่งจริงๆ สมมติเค้าให้ทำอะไรก้อตามนะ..แล้วคุณไป copy ของชาวบ้านมา หรือเอามาจาก internet นะ เค้าจะรู้เลย..แล้วขอโทษ ไม่มีคำแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น ให้ตกทันที ถือว่าทุจริต....อันนี้ serious มากๆ.. เพราะฉะนั้น ไม่เหมือนโรงเรียนบ้านเรา ครูสั่งรายงานเรื่องนั้นเรื่องนี้ นักเรียนก้อ print จากคอมเลย บางทีก้อเป็นสิบๆหน้า ทำรูปเล่มสวยหรู..เขียนว่ารายงานโดย..สุวรรณี ประมาณนี้ แต่จริงๆสุวรรณีเอาของเค้ามาใช่มะ...แต่ที่นี่ไม่ได้ คุณเปิดได้..ศึกษาได้ แต่คุณต้องสรุปเป็นความคิดเห็นของคุณ คำพูดของคุณ และต้องมีเหตุมีผลประกอบด้วย...จึงจะเรียกว่าผลิตโดยคุณจริงๆ...

ที่้เล่ามาทั้งหมดเนี่ย เรื่องราวในการเขียน writing อ่านแล้วอาจไม่เข้าใจเท่าไร ยังไง ยุ่นจะค่อยๆยกตัวอย่างประกอบและอธิบายเป็นเรื่องๆไป...คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเด็กไทยที่อยากจะเขียน paragraph นะ แต่ก้ออีกแหละ มันไม่ง่าย เพราะไม่มีใคร correct ให้เนอะ...เฮ้อ..อยากให้ครูบ้านเรา สอนเด็กเขียน essay ได้จังเลย..ยุ่นว่าครูไทยเราที่สอนภาษาอังกฤษตามโรงเรียน ก้อยังไม่สามารถเขียนได้เลย..เพราะเราไม่มีการเรียนการสอนแบบนี้ในโรงเรียน..ยุ่นว่าเราน่าจะจ้างครูฝรั่งที่เก่งๆเนี่ย มา train ครูเราให้พอเขียนได้ เข้าใจในหลักการ และสอนเด็กๆของเราได้แล้ว....เราน่าจะต้องเปลี่ยนวิธีการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนที่เน้นแต่ grammar มาเป็นการอ่านทำความเข้าใจ และเขียน present ความคิดเราให้ผู้อื่นเข้าใจเราได้แล้ว...เพราะเราเก่ง grammar แต่เราใช้งานอะไรไม่ได้เลย...เฮ้อ..

1 comment:

  1. สำหรับการ copy งานชาวบ้านมาส่งเนี่ย...ทอมก้อมีเรื่องฮามาเล่าให้ฟัง..

    ทอมเล่าว่า..อันนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับภรรยาทอมขณะที่เค้าเรียนที่ UBC มีวิชานึง..วันนั้นอาจารย์ประจำวิชาก้อเดินเข้าห้อง lectureด้วยหน้าตาวีเรียสมาก และเรียนนักเรียนคนนึงไปพบที่ห้อง...

    อาจารย์ : คุณไม่ได้เขียนเรื่องนี้เองใช่ไหม?
    นักศึกษา : ฉันเขียนเอง..
    อาจารย์ : ไม่...คุณไม่ได้เขียนเรื่องนี้อย่างแน่นอน..
    นักศึกษา : ฉันเขียนเอง..ฉันเขียนเองจริงๆ..
    อาจารย์โกรธมากที่ยังไม่ยอมรับ...
    อาจารย์ : คุณจะเขียนได้ไง..ก้อเรื่องนี้เป็นผลงานของผมเอง...

    นักศึกษาตอนซื้อ copy นี้มาจาก internet ไม่ได้ชื่อของผู้เขียนเรื่องนี้..เลยเอามาทำรายงานส่งอาจารย์...เรียกว่า จุดไต้ตำตอ จริงๆ..55555

    ReplyDelete