Sunday, January 23, 2011

อาหารการกินใน Vancouver ตอนสาม

คราวนี้เราก้อกลับมาเรื่องการจับจ่ายซื้อของที่นี่กันต่อ..

การซื้อของที่นี่ หากเราจะซื้อของตามห้างร้านต่างๆ เช่น Superstore (Real Canadian), Cosco (ของอเมริกา) อันนี้ต้องทำบัตรสมาชิก มีแบบห้าสิบเหรียญกับร้อยเหรียญ และต้องจ่ายเงินสด...หรือถ้าจะจ่ายเครดิตก้อใช้ได้แต่ American Express เท่านั้น หรือที่ Zeller ( ซึ่งตอนนี้ถูก Target ซื้อไปเรียบร้อยแล้ว) Safeway, London Drug, Shopper Drug Mart....พวกนี้เราต้องดูรายการ promotion ซึ่งมันจะจัดสลับกันไปมา สลับเปลี่ยนสินค้า...คือต้องมีการวางแผนในการซื้อสินค้า...

ไม่งั้น...สินค้ายี่ห้อเดียวกันหากซื้อช่วง promotion กับไม่ promotion ราคาจะต่างกันเท่าตัวเลย..แบบ 8.00 เหรียญกับ 4.00 เหรียญประมาณนั้นเลย...ที่นี่เวลาลดเค้าก้อลดกันจริงๆ..เพราะฉะนั้น..หากเราเข้าใจและวางแผน...เรียกว่าเราก้อได้สินค้าทั้งถูกทั้งดีเลยแหละ...

นอกจากนี้ สินค้าที่นี่คุณภาพจะไม่ค่อยแตกต่างกันมาก..ยกตัวอย่างโลชั่นทาตัวเนี่ย..ก้อมีหลายหลากยี่ห้อ..Vaseline...Jergen..หรืออย่าง House Brand ของ London Drug, President's Choice...เวลา promotion เนี่ย ราคาจะสูสีกัน เพราะฉะนั้น รอบนี้เราก้ออาจลองยี่ห้อนี้ ครั้งหน้าเราก้อได้ลองอีกยี่ห้อนึง..เรียกว่าไม่เบื่อดีเหมือนกัลล์....

แรกๆฮ่งมา..ฮ่งก้อซื้อโดยไม่รู้เรื่อง...ก้อเรียกว่าจ่ายบิลใบหนึ่งก้อหลายอยู่...ยุ่นมาทีแรกก้อยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร..แต่ยุ่นก้อมักซื้อตอนมีรายการ แต่ช่วงหลังยิ่งอยู่เรายิ่งรู้เยอะ...มันก้อจะมีบางวันที่พิเศษสุดในหนึ่งเดือน...หรือบางทีเป็นเทศกาลพิเศษ ซึ่งส่วนใหญ่พี่ประเวศมักจะมาบอกข่าวพวกนี้กับเรา...ทำให้เราได้สินค้าราคายิ่งถูกลงไปอีก...

เรื่องแบบนี้ตอนอยู่ไทย...เค้าก้อมีเหมือนกัน Brochur ที่แจกๆมา..แต่ยุ่นไม่เคยสนใจเลยอ่ะ...เราใช้ยี่ห้อไหน..เราก้อคงใช้แต่ยี่ห้อนั้น...และก้อไม่ได้สนใจว่าลดไม่ลด..มีรายการรึปล่าว...ซื้อมันไปเรื่อยๆ...ซึ่งที่จริง..เราก้อควรดูเหมือนกัน...จากประสบการณ์ในเรื่องนี้..การใช้ชีวิตที่นี่....ทำให้ยุ่นเรียนรู้อะไรมากขึ้นมาก... และมันก้อช่วยครอบครัวเรา save เงินขึ้นมาอีกส่วนหนึ่งเลยแหละ...

นอกจากนี้ ยุ่นก้อยังชอบไป shopping ร้าน T&T....เป็นร้านใหญ่ของคนจีนที่มีสินค้าเอเชียมากมาย....คือที่นี่มีแทบจะทุกชาติทุกภาษา..จีน แขก ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม มาเลย์..ไทย ลาว พม่า..เม็กซิกัน..อียิปต์หรือพวกตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันออก ตะวันตก...ก้อสมที่เค้าบอก multinational จริงๆ...

คือถ้าคุณอยากกินอาหารแนวไหน ก้อสามารถหาซือ้วัตถุดิบได้หมด..แวนคูเวอร์มีหมด...แต่มีบางอย่างเราก้อต้องดัดแปลงเอาเล็กน้อย...

ห้างที่กล่าวมาจะเป็นตลาดซึ่งมีผู้บริโภคกลุ่มหนึ่ง ในขณะเดียวกันเชื่อมะว่า ร้านค้าย่อยเล็กๆ ร้านจีน แขก เวียดนาม เกาหลี ญี่ปุ่น ก้อมีเพียบ และเค้าก้ออยู่กันได้แลลค่อนข้างสบายเลยอ่ะ..แต่กลุ่มลูกค้าที่ซื้อร้านเล็กๆก้อเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง..ยุ่นก้อไม่รู้นะว่ารัฐบาลเค้าวางนโยบายอย่างไร..แต่เท่าที่ดู ร้านค้าเล็กๆมีมากมาย และอยู่รอดนะ..

อึม..ยุ่นว่าน่าจะเป็นเรื่องราคาสินค้าที่ร้านใหญ่เค้าไม่ลงมาแบบกระหน่ำร้านเล็ก...คือราคาสูสีนะ..และบางสินค้าร้านอล็กก้อหาซื้อได้ถูกกว่า..อันนี้ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน..คิดว่ารัฐน่าจะมีการควบคุมอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ทั้งร้านใหญ่ร้านเล็ก..อยู่กันได้..โดยปลาใหญ่ไม่กินปลาเล็ก..

และสิ่งหนึ่งที่ยุ่นกับฮ่งตั้งข้อสังเกตุก้อคือ...คนแวนคูเวอร์ก้อไม่มากมายเท่าไร..แต่ทำไม..เวลาไปซื้อข้าวของเนี่ย คนมันเยอะจริงๆ..แล้วก้อซื้อกันเยอะมากๆเลย...กำลังซื้อค่อนข้างสูง....

แบบ..เวลาธรรมดามองไปตามท้องถนน..ไม่ค่อยเห็นผู้คน..แต่เวลาซื้อของไม่รู้มาจากไหนกัน...

และนี่ก้อเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสำหรับคนที่คิดอยากมาอยู่แวนคูเวอร์...เพราะไงก้อตาม..ต้องซื้อของกันแน่ๆอยู่แล้ว...น่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก้อน้อยนะค่ะ..^^

Saturday, January 22, 2011

Happy Happy ^^

เมื่อวานก้อเป็นวันสุดท้ายที่เรียน Biology 12 จบแล้ว ไชโย!!!!

การเรียน Bio ครั้งนี้เนี่ย..ไม่เหมือนการเรียน Bio สมัยเด็กๆ...เนื่องจากเราเรียนแบบเข้าใจและต้องการนำมาใช้ จึงทำให้เราเรียนแบบเพลิดเพลิน..และรู้สึกว่าไม่น่าเบื่อเหมือนสมัยเด็กๆที่เรียน อันนั้นตะลุยท่องและจำเท่านั้น .

Kyle เค้าเป็นครูที่ใจดีมากและใช้คอมมาช่วย เพราะฉะนั้น พอสอบเสร็จคะแนนออกเลย สอบทั้งหมด 25 ครั้ง..ยุ่นได้คะแนนรวม 99.3% เล่าให้คุณพ่อกับคุณลูกที่บ้านฟัง..สองคนบอกแย่จัง ผิดหวังมาก...ก่อนหน้าได้ 103% ทำไมยิ่งเรียนยิ่งตก...ไม่ตั้งใจเรียนเลยเนี่ย...แหม..สองคนนี่เนี่ย..กวนชะมัดเลย...

ไอ้ที่ได้ 103% เนี่ย เพราะครูเค้ามี bonus mark ไง อย่างที่เล่า...แต่ส่วนใหญ่เราก้อทำผิดหนึ่งหรือสองข้อ รวมมารวมไปก้อประมาณ 99 ทีแรกครูก้อไม่ได้สนใจเท่าไร ที่นี่คะแนนเค้าจะเป็น privacy มาก เค้าจะให้คะแนนเป็นรายบุคคล ไม่ประกาศนะ...

แต่ครูตรวจเสร็จจะเรียกเราไปรับคะแนนเป็นรายบุคคล...แรกๆเค้าก้อไม่ได้ดูอะไรเท่าไร แต่ช่วงหลัง ยุ่นทำได้คะแนนเต็มบ่อย..พอครั้งไหนไม่ได้เต็ม..ครูจะดูว่าเราผิดข้อไหน..เช่นเมื่อวาน ตอนเรียกเรา สุวรรณีข้อสี่..เราก้อรู้เลยว่าเราผิดหนึ่งข้อ...และคนอื่นแกก้อไม่ดูไม่พูดนะ....อย่างนี้ก้อมีเขิลลนะ ครู

เนื่องจาก...เราเรียนเภสัชมา ฉะนั้นวิชานี้มันเป็นเหมือน Biochemistry ด้วยไง และเคมียุ่นก้อชอบเหมือนกัน..และมันก้อต้องมีหลงเหลือค้างคาในสมองเราบ้าง...

วันก่อนก้อมีคำถามไปถามครู เกี่ยวกับกลไกการขับพวก ion ว่าตัวนี้ถูกขับ ตัวนั้นจะถูกดูดกลับมั้ยอย่างไร...แบบไม่มีในหนังสือนะ..เกิดสงสัยเอง..ครูก้อบอกไม่แน่ใจ..เดี๋ยวไปถามครูเคมีอีกคนให้ แกก้อหายไปสิบนาที กลับมาบอก..ครูเคมีก้อไม่รู้.. แต่แกก้อบอกว่าแกคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนี้อย่างนั้นนะ...ยังไงหากวันหลังรู้คำตอบว่าแกตอบผิด...ก้อให้จำที่ถูกก้อแล้วกัน...และไม่ต้องให้แกรู้นะ...55555

คือคำถามที่ยุ่นไปถามแกเนี่ย..จะต้องเป็นอะไรที่ยุ่นคิดแล้ว...หลายรอบ..จึงไปถาม..และยุ่นจะไม่ได้ถามหลายคำถาม แต่อาจถามหนึ่งหรือสองคำถาม.....จะไม่เหมือนพวกเด็กๆที่ไปถาม จะเป็นคำถามในข้อสอบที่ต้องการแต่คำตอบ แต่ยุ่นต้องการคำอธิบายที่เข้าใจ...ยุ่นว่าครูเค้าก้อเลยรู้สึกโอเคกับเรา...

อึม..มีอีกเรื่องที่อยากเล่าคือ ตอนเรียนเรื่อง reproductive system ครูก้อถามว่าทำไมหนังจึงชอบทำว่า Spider woman กิน Spider man ใครรู้บ้าง...ยุ่นก้อไม่เคยดู..ก้อไม่รู้ ครุก้อเล่าต่อว่าจริงๆเพราะมันเป็นธรรมชาติของ spider เมือ่ตัวผู้กับตัวเมียผสมพันธุ์กัน หลังจากนั้นตัวผู้จะผละออกจากตัวเมีย..แต่จู๋เค้าจะติดอยู่ ( ครูเรียก penis นะ) เสร็จตัวผู้ก้อจะเลือดออกตายหลังจากร่วมเพศกับตัวเมีย เค้าจึงมาแสดงในหนังว่า ตัวเมียกินตัวผู้..

และครูยังบอกอีกว่าเค้าไม่อยากเป็น spiderman เลย คือร่วมเพศได้ครั้งเดียวก้อตายแล้ว..แต่ตัวเมียเนี่ยได้หลายครั้งเลย... 55555 ครู..เป็นงั้นไป....ก้อเรียกเสียงฮา และทำให้นักเรียนตื่นกันทั้งห้อง..

นอกจากนี้ก้อยังมีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งครูเล่าจากประสบการณ์จริงของนักเรียนหญิงคนนึงที่เคยเรียนกับเค้าใน class bio 12 นี่แหละ..เด็กคนนี้เป็นชาวอัฟริกา คือจะมีแบบหมู่บ้านนึงในอัฟริกาที่เค้ามีความเชื่อว่าเมื่อเด็กผู้หญิงเข้าสู่วัยสาว...วัยรุ่น..แม่ของเด็กหรือคุณย่าคุณยายจะทำการตัด Clitoris ตรงอวัยวะเพศของเด็กหญิงออก...เค้าใช้กรรไกรตัดกันสดๆเลยอ่ะ...ครูก้อถือกรรไกรประกอบให้พวกเราดู...เห็นแล้วเสียวเลย..

เค้ามีความเชื่อว่า clitoris เนี่ยมันจะพัฒนาเป็น penis ของผู้ชายในช่องคลอดหญิง ฉะนั้นเพื่อการเป็นหญิงที่สะอาด ( เค้าใช้ว่า cleaned girl) จะต้องไม่มี clitoris และถ้าไม่เอาออกในอนาคตก้อจะมีความเป็นชายในหญิง คือมี penis ในช่องคลอดอะไรประมาณนั้น

และเด็กคนนั้นเค้าก้อเล่าว่าเค้าก้อถูกตัดมาแล้ว..ซึ่ง Kyle บอกสำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องของการผิดกฎหมายใน Canada เลย แม้จะเป็นพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ก้อทำเช่นนี้กับลูกหลานไม่ได้..แต่สำหรับแต่ละประเทศก้อมีความคิดและความเชื่อที่แตกต่างกัน..ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ส่งผลกับเด็กผู้หญิงเหล่านี้ หลังจากที่เค้าแต่งงาน จะมีปัญหาเวลาร่วมเพศเค้าจะเจ็บบริเวณอวัยวะเพศตลอด...

ฟังแล้ว..รู้สึกโชคดีจังที่เราเกิดในประเทศไทย และได้เกิดเป็นลูกพ่อแม่เรา..เฮ้อ..ความคิดและความเชื่อในบางเรื่องก้อน่ากลัวเหมือนกัน...

และ...ก้อเป็นอันว่ายุ่นเรียน Bio จบบริบูรณ์... และเมื่อวานก้อมีเรื่อง happy ไปหนึ่งเรื่องแล้ว.....

เรียนเสร็จก้อเดินไปทำงานปกติ...เมื่อวานวันศุกร์เด็กนักเรียนก้อเต็มศูนย์เหมือนเคย..

ยุ่นจะนั่งตรงโต๊ะข้างมิสติง เวลาเด็กเข้าแถวรอพบมิส ก้อจะยืนอยุ่ตรงบริเวณหน้าโต๊ะยุ่นแหละ...ฉะนั้น..เด็กก้อจะคุยกับยุ่นบ้าง..บางคนก้อดูเราทำงานบ้าง..เด็กเล็กก้อถามโน้นถามนี่บ้าง ตามประสาเด็ก...

และเมื่อวาน Alysha เด็กผู้หญิงเรียนอนุบาล 1 มั้ง...แบบเป็นเด็กที่ lively และฉลาดนะ..ยุ่นชอบเค้านะ..คุยก้อเก่ง..เค้าก้อเห็นยุ่นทำงานอยู่ แต่เค้าไม่กล้าคุยไง..เพราะเรากำลัง serious เค้าก้อมายืนข้างๆยุ่น แล้วก้อร้องเพลงเบาๆ พร้อมเต้นมาเต้นไป..คือเรียกร้องความสนใจของเรา..

ก้อได้ผล...ยุ่นก้อหยุดทำงานเพราะความน่ารักของเค้า..เสร็จเค้าก้อชวนยุ่นคุยโน้นคุยนี่..แล้วเค้าก้อร้องเพลงให้ฟังหนึ่งเพลง...ยุ่นบอกร้องเพราะจัง..ร้องให้ฟังอีกเพลงได้มะ..เค้าก้อบอกได้..หยุดคิดนิดนึงจากนั้นเธอก้อโซโล...

"Twinkle twinkle little star......." เสียงเค้าแบบน่ารักมาก..แล้วแบบเพลงฝรั่งเนี่ยถ้าเราร้องแล้วสำเนียงถูกต้องมันเพราะมากๆอ่ะ...เค้าเกิดที่นี่ก้อแน่นอนเนอะ..เสร็จ Alysha ยิ่งร้องเสียงเธอยิ่งดัง...ดังจนทุกเสียงเงียบ และทุกสายตาก้อมองมาที่โต๊ะยุ่น... Vivian ผู้ช่วยที่ตรวจการบ้านมองมายิ้มใหญ่เลย...มิสติงได้ยินแกก้อร้องคลอตามด้วย..และบอกว่าฉันก้อร้องให้หลานสาวฉันฟังเมื่อคืน...

Alysha เธอก้อแบบสาวมั่น..กล้าแสดงออก..และก้อน่ารักมากเลย..ยุ่นก้อเลยให้รางวัลโดยวาดดาวที่มือ..และบอกเค้าว่า มาฉันให้รางวัลเธอ twinkle little star on your hand!!! เค้าก้อยิ้มชอบใจและขอบคุณยุ่น..

Alysha ยังบอกว่าอาทิตย์หน้าจะมาร้องเพลงใหม่อีกสองเพลงให้ยุ่นฟังด้วยนะ...ตลกดี..แล้วก้อน่ารักมากเลย..

นอกจาก Alysha ก้อทำให้ยุ่นนึกถึงเด็กฝรั่งอีกคนชื่อ Neha ก้ออยู่ประมาณ preschool นะ..เค้าก้อแบบมาเรียนทุกวันอังคารกับพฤหัส แต่ก่อนกลับบ้านเค้าต้องมาหายุ่นทุกครั้ง...และมาคุยกับยุ่น :

Neha : Suwannee, can I have your heart?
Suwannee : Of course!!
จากนั้น ยุ่นก้อวาดรูปหัวใจที่หลังมือเค้า..
Neha : Can you give me a smile?
Suwannee : Sure!!
แล้วยุ่นก้อเติมรอยยิ้มลงบนหัวใจให้เค้า...แค่นั้นแหละ..เค้าก้อมีความสุขและไปอวดแม่เค้าว่าเค้าได้หัวใจยุ่นอีกแล้ว......น่ารักมากๆเลยอ่ะ...


คิดว่าพอเพื่อนๆได้อ่านถึงตรงนี้ก้อน่าจะอมยิ้มทุกคนเนอะ.....และนี่ก้อคือความสุขเล็กๆน้อยๆของการเป็นครู ( ยุ่นว่าไม่จำเป็นต้องเป็นครูคุมองนะ...) ที่เราสามารถหาได้จากเด็กๆที่อยู่รอบๆตัวเรา...พวกเค้าจะมีความเป็นธรรมชาติ..ไม่เสแสร้ง...และทำให้บางวันของชีวิตเราสดใสและ... Happy มากๆเลย...^^

Friday, January 14, 2011

อาหารการกินใน Vancouver ตอนสอง

มีเพื่อนคนไทยหลายคนที่มาที่นี่...และก้อต้องทำงานใช่มะ...คราวนี้ไอ้การทำกับข้าวเนี่ย..เค้าไม่มีเวลาที่จะมานั่งเตรียมนั่งทำ...คือต้องหางานหาเงินเป็นหลัก.. ต้องsurvive ก่อน... เพราะค่าครองชีพที่นี่สูงกว่าบ้านเรามั่กๆๆๆๆๆๆ

แต่เนื่องจากอาหารก้อต้องทำกินเอง เพราะถ้าซื้อกิน..ไอ้เงินที่หามาคงไม่พอค่าซื้อกินแน่นอน...พี่คนนึงเค้าเล่าให้ฟังจากประสบการณ์ตรงของเค้าว่า :

พี่เค้าทำงานห้าวันจันทร์ถึงศุกร์ ออกจากบ้านแต่เช้า กลับมาก้อเย็นมากและเหนื่อย..เค้าก้อแบบเสาร์ไปซื้อกับข้าวใช่มะ..แบบของทั้งอาทิตย์เลย...เสร็จ..

วันอาทิตย์ทั้งวันเลยนะ..ทำกับข้าวเตรียมของทั้งอาทิตย์หน้าที่จะถึง...แบบจันทร์ถึงศุกร์วันละสามมื้อก้อสิบห้ามื้อ...ยุ่นก้องง...ถามว่า ยังไง ไม่เข้าใจ

พี่เค้าบอก พี่ก้อแบบทำมันทั้งวันเลย...แบบก้อคิดเลยว่าเราจะกินอะไรอาทิตย์หน้า..แล้วก้ออาจทำสักสองสามอย่าง...หรือถ้ามีอารมณ์ก้ออาจสี่ห้าอย่าง...แล้วก้อ pack ใส่กล่อง tupperware ไว้เลยกล่องละหนึ่งมื้อ ก้อสิบห้ากล่อง..เข้าช่อง freezeเลย....เช้าก้อหยิบออกมา wave กินเลย..แล้วก้อ wave เผื่อกลางวันด้วย...เอาเป็น lunchbox ไปที่ทำงาน เย็นกลับมาก้อเหนื่อยแล้ว ไม่อยากทำอะไรแล้ว...( เพราะทำงานที่นี่เค้าใช้งานคุ้มค่าแรงมากๆ) หยิบอีกกล่อง.. wave กินมื้อเย็นอีกมื้อ....จากนั้นก้อสลบแล้ว...

ก้อกินสลับมาสลับไป...อย่างนี้ทั้งอาทิตย์...

ยุ่นก้อถามพี่เค้าว่าแล้วไม่เหนื่อยเหรอ...แบบเสาร์อาทิตย์ยังต้องมานั่งทำกับข้าว..พี่เค้าบอกเหนื่อยสิ..ไม่ได้นั่งทำนะ ยืนทำด้วย...แต่ทำไงได้ มันไม่มีเวลา...อันนี้ก้อเป็นเรื่องที่ยุ่นฟังแล้ว...งง และอึ้งไปเลย...

แต่..ก้อเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่เลวอีกวิธีหนึ่งของพี่เค้า...

นึกถึงที่พี่ประเวศเคยบอกยุ่นว่าตอนเช้าถ้าคุณยุ่นขี้เกียจตื่นขึ้นมาทำกับข้าวให้สองหนุ่มกิน...ให้ยุ่นทำหมูซีอิ้ว...ผัดให้เรียบร้อยเลยนะตอนเย็น..แล้วก้อใส่ tupperware เก็บในตู้เย็น พอเช้าคุณชาญชัยก้อเอา tupperware นั้นนะมา wave และกินเป็นอาหารเช้าได้เลย...เชื่อมะ..ยุ่นยังไม่เคยทำเลยอ่ะ....คือเห็นด้วยกับพี่เค้านะ...แต่ตอนทำกับข้าวตอนเย็นยุ่นก้อคิดถึงแต่มื้อนั้น ไม่ได้นึกถึงมื้อต่อไป...และพอนึกออก เราก้อทำกับข้าวเย็นเสร็จแล้ว ให้ทำอีกอย่างก้อไม่อยากแล้ว...อยากนั่งกินข้าวเย็นมากกว่า...

และตั้งแต่เล็กจนโต...ก้อไม่ได้เป็นคนที่ชอบทำกับข้าวมากมาย...แต่ก้อคิดว่าถ้าต้องทำกับข้าวแบบรวบยอดเหมือนพี่เค้าห้าวันเนี่ย...วันอาทิตย์คงเป็นวันที่ระทมทุกข์มากเลย...เพราะกว่าจะเตรียมจะล้างวัตถุดิบต่างๆ ปลอก...หั่น บด ผสม...ทอด ต้ม...อะไรสารพัด...โอย...ตายแน่ ตายแน่ๆเลย...คงทำทั้งวันก้อไม่เสร็จ...และเราก้อไม่ใช่เป็นคนที่มีความสุขสำราญในการทำกับข้าวมากมาย...

นอกจากนี้ ยุ่นเป็นคนไม่ชอบกินอาหารที่ wave แต่จะชอบกินอาหารที่ปรุงสดๆ...ทำง่ายๆเร็วๆไม่ต้องพิธีรีตองมาก...แต่ชอบทำเตรียมสดสดอ่ะ...

และเนื่องจากเราก้อยังโชคดีที่ไม่ต้องไปทำงานแบบพี่เค้าคือออกแต่เช้าและกลับเย็นไง...คือยุ่นออกจากบ้านเที่ยงไปเรียนสองชั่วโมง จันทร์ พุธช่วงบ่ายว่าง สามวันที่เหลือสอนคุมองสามโมงถึงทุ่มครึ่ง...ฉะนั้นเราจึงมีเวลาที่จะทำอาหารที่ปรุงสดๆ ไม่ต้องทำและ freeze แบบพี่เค้า...

นอกจากนี้..ยุ่นจะเป็นคนที่ทำอาหารเร็วมากหรือพูดง่ายๆว่าไม่พิถีพิถัน......อย่างตอนเช้าเนี่ย...ยุ่นจะไม่ทำอะไรที่ทำให้ตัวเราต้องลำบากมาก...ยีนกับฮ่งเค้าจะกินหนักทุกมื้อ...เช้าบ้านเราก้อกินข้าวเป็นจานๆ..เราไม่กินนะขนมปังกับกาแฟ มันไม่อิ่ม..อยู่ไทยเราก้อไม่เคยกินแบบนี้ มานี่เรายิ่งกินไม่ได้ เพราะอากาศเย็น..ขืนกินขนมปังกาแฟมื้อเช้า...เดินออกจากบ้านไม่กี่ก้าว...ก้อละลายหมดแล้ว

ยุ่นก้ออย่างนี้เลย เช้าข้าวไข่เจียว...ข้าวหมูซีอิ้ว..บางทีก้อมีข้าวต้มหมูสับ...(ขนาดทำข้าวต้มตอนเช้านะ สองคนบอกกินข้าวต้มแล้วหิวเร็วทุกทีเลย....)..หรือบางทีก้อข้าว..แล้วก้อไส้กรอกคนละอัน...เราก้อทำกินกันแบบง่ายๆ...ห้านาทีก้อเสร็จแล้ว...

เดี๋ยวนี้ยีนเค้าก้อไม่เอา lunchboxไปโรงเรียนแล้ว.... เพราะเค้าอยากกินที่โรงเรียนกับเพื่อน...ยุ่นก้อตามใจเค้า...เย็นเนี่ยก้อง่ายๆ...ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจานเดียว...ยิ่งวันไหนยุ่นทำคุมอง บางทียุ่นจะทำไว้ก่อนตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน ...เช่นทำพะโล้ จับช่าย..สตูว์ไก่ ซีโครงหมูกระเทียมพริกไทยอบ...หรือก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นที่ยีนบอกละลายในปากอ่ะ....มันก้อง่ายสำหรับพวกเค้าที่จะอุ่นและทำกินกันเองได้...ช่วงที่ยุ่นยังไม่กลับจากทำงาน

หรือบางทีก้อเตรียมเครื่องทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยเลย อย่างผัดไท..เราก้อเตรียมกระเทียมหอมแดงสับละเอียด...แกะกุ้งไว้..หัวไชโป้วสับ..กุ้งแห้ง...ถั่วงอก ผัก เส้นก๋วยเตี๋ยวแช่น้ำไว้...พอเรากลับมาใช่มะ..เราก้อโยนทุกอย่างลงในกะทะ.. แล้วปรุงรสเลย...ผัดเป็นจานๆเลย แป๊บเดียวเสร็จ ....คือเราก้อต้อง organize ชีวิตของเราในแบบฉบับครอบครัวเรา...ที่เราสะดวก..สบายและอยู่รอดได้...^^

และที่สำคัญก้อคือฮ่งกับยีนเนี่ยเป็นคนไม่เรื่องมาก....คือทำอะไรให้กิน..เค้าก้อกินกันนะ..หรือพูดง่ายๆก้อคือเลี้ยงง่าย...ไม่บ่นมากด้วย 555555 อันนี้ก้อถือว่ายุ่นค่อนข้างโชคดี...^^

อาหารการกินใน Vancouver ตอนหนึ่ง




ช่วงสองปีที่มาอยู่ที่แวนคูเวอร์เนี่ย..ยุ่นก้อเขียนเรื่องราวมากมาย...เพิ่งมานั่งคิดว่ามีเรื่องหนึ่งที่ยุ่นยังไม่เคยเขียน...ทั้งที่จริงเรื่องนี้มันก้ออยู่ใกล้ตัวเราและสำคัญเหมือนกัน...แต่เป็นอะไรที่ยุ่นมองข้าม อาจเพราะยุ่นไม่ค่อยชอบเรื่องนี้เท่าไรก้อเป็นได้..

เรื่องที่ว่า...ก้อเรื่องปากท้องของเราไง..อาหารการกิน..การซื้ออาหารหรือของสดที่นี่...ซึ่งมันใกล้ตัวยุ่นมากเลย คือต้องทำกับข้าวทุกวัน ซื้อกับข้าวทุกอาทิตย์...เบื่อมากอ่ะ..

แต่ไงก้อต้องทน...บอกแล้วมาที่นี่ ยุ่นแปลงร่างจาก working girl ใน office มาเป็น working girl ใน Kitchen.........ฉบับอีแจ๋ว..

พูดถึงการซื้ออาหารทั้งสดและสำเร็จรูป....ครอบครัวเราไม่มีรูปแบบอะไรเท่าไร...และก้อไม่ค่อยมีการวางแผนอะไรเท่าไรด้วย...คือเคยคิดจะ list รายการออกมาเลยนะว่าอาทิตย์นี้จะกินอะไร และต้องซื้ออะไร อย่างไร ทำได้ครั้งเดียว..ก้อไม่ได้ทำ...ไม่ถนัด..ทำไม่เป็น...แต่จริงๆน่าจะเพราะความขี้เกียจมากกว่า...

เนื่องจาก apartment ที่เราอยู่จะใกล้ Oakridge Mall และในนั้นก้อมี Safeway ฉะนั้นนมสด ไข่ไก่ ขนมปัง หรือบางทีก้อเนื้อหมู ไก่ ขนมขบเคี้ยวต่างๆ....เราก้อซื้อที่ Safeway เลย..มันก้อไม่ได้ถูกมาก..แต่สะดวกในการขนของ และไม่ต้องนั่งรถไง...ครอบครัวเราถ้าเวลาซื้อเยอะๆก้อใช้รถ cart ( ต้องหยอดเหรียญนะ 25 cent) ก้อเรียกว่าเป็นลูกค้าประจำของ safeway เหมือนกัน

และเราก้อโชคดีอีกอย่างคือข้างๆ safeway ก้อมี Kin's farm ร้านขายผักผลไม้ ซึ่งก้อเป็นอีกร้านที่ยุ่นซื้อไม่น้อยเหมือนกัน..ส้ม apple strawberry cherry มะนาว ผักชี ถั่วงอก พริกขี้หนู คะน้า ผักต่างๆ สลัด..ก้อได้ kin เนี่ยแหละ...และก้ออย่างที่บอก ราคาไม่ได้ถูกเช่นกัน แต่สะดวกซื้อมากกว่า

นอกจากนี้ทุกเสาร์อาทิตย์ ยุ่นกับฮ่งต้องออกไปซื้อกับข้าวข้างนอกกันเกือบทุกอาทิตย์ จะเป็นกับข้าวของหนึ่งหรือสองอาทิตย์..ก้อพวกหมูสับ หมูสด ไก่ เนื้อวัวบ้าง ปลา...แล้วก้อผักอื่นๆ ผลไม้อื่นๆ...และก้อของที่นำเข้าจากเมืองไทย และพวกเครื่องพริกต่างๆ พริกเผา แกง ซือิ้ว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ...เครื่องปรุงอื่นๆอีกมากมายซึ่งเราหาซื้อแถวบ้านไม่ได้..

แหล่งที่เราไปเป็นประจำก้อที่ Victoria จะเป็นร้านคนจีน และร้านเวียดนามโดยเฉพาะร้านเวียดนาม..มักมีของแปลกๆมาจากเมืองไทย..เช่นข้าวต้มมัด ขนมกุ๋ยช่าย แกงกระป๋อง..พริกเผา มันกุ้ง...( เพิ่งหาซือ้ยี่ห้อที่ผัดข้าวผัดมันกุ้งได้อร่อย เมื่อไม่นานนี้เอง ) ซึ่งของพวกนี้ต้องเสาะแสวงหาควานหา คือถามๆกันว่าอยากกินไอ้เนี่ยนะ..ต้องทำไง ซื้อวัตถุดิบที่ไหน พวกพี่ๆเค้าก้อแนะนำกันต่อๆมา...

นอกจากนี้ก้อมีไปซื้อที่ China town บ้างเวลาเราไปตัดผมกัน แต่ไม่ค่อยไปบ่อย เพราะของไม่ได้เยอะและอร่อยเหมือนสำเพ็งบ้านเรานะ..ดูคนละ grade เลย...แต่เรามีร้านประจำ เวียดนามอีกแล้วเจ้าของชื่อทอม..เราต้องไปซื้อกะเพรากับทอม เพราะเป็นร้านเดียวในแวนคูเวอร์ตอนนี้ที่เราหาซื้อกะเพรามากินได้

พูดถึงกะเพรากับข้าวต้มมัด เชื่อมะว่า อยู่ไทยนะ..ยุ่นไม่เคยสั่งข้าวราดกะเพรากินเลยนะ..ไม่ชอบเลยอ่ะ..อีกข้าวต้มมัดเนี่ย ขนาดแม่ไปจ้างป้าข้างบ้านมัดพิเศษแบบอร่อยเลยนะ..ยุ่นยังไม่แลเลยตอนอยู่ไทย...

พอมานี่...กะเพราก้อต้องผัดเพราะฮ่งชอบมาก..ยุ่นก้อผัดจนตัวเองก้อชอบกินแล้วหละ..ไม่รู้ต้นตำรับรสชาติยังไง เพราะไม่เคยกินที่ไทย..ที่บ้านแม่ก้อไม่เคยทำให้กิน..ข้างนอกก้อไม่เคยสั่งกิน

ข้าวต้มมัด..ก้อมาอยากหลังกลับจากโตรอนโต เพราะพี่ลี่เอาให้กิน..มันเป็นแบบ freeze นะ...เราก้อต้องมานึ่ง..คงเทียบความอร่อยกับบ้านเราไม่ได้เลย...แต่เนื่องจากเราไม่ได้กินอะไรของไทยนานมากไง..ความคิดถึงเลยทำให้อยาก...

เหมือนส้มตำเนี่ย..ปีก่อนนั้นที่กลับ ยุ่นตัดสินใจขนครกกับหม้ออบจากบ้านเรามาที่นี่ เพราะอยากตำส้มตำกินไง..แบบคิดถึงสดุๆเลย...แล้วก้อบางทีก้ออยากกินกุ้งอบหม้อดินด้วย..บางทีก้อมีคิดถึงเหมือนกัน...


เรียกว่าเดี๋ยวนี้อยากกินส้มตำ ต้มยำ แกง ผัดไท ลาดหน้า ผัดซีอิ้ว..ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว..ก๋วยเตี๋ยวตุ๋นไก่...กะเพรา หรือแม้กระทั่งขนมกล้วยบวดชีเอย...เฉาก๊วย...ต้องหัดทำเองหมดเลย...เพราะหาซื้อไม่ได้ง่ายๆ

อยู่เมืองไทยเดินออกจากหน้าบ้าน..ไปหน้าปากซอย..ขายของเพียบ...ราคาก้อเป็นกันเอง..อยู่ที่นี่..หากินไม่ได้ง่ายๆ..และที่แปลกใจมากๆเลยคือก๋วยเตี๋ยว..เชื่อมะ..ของเวียดนามที่นี่ขายดีมาก...เป็นร้านนะ...ก้อไม่ได้หรูมาก แต่ก้อไม่ได้ลูกทุ่งแบบของเรา...

แต่แบบไม่อร่อยเลย..เค้าก้อจะมาชามเบอเร่อเลยนะ..เส้นเพียบ เครื่องก้อเพียบนะ....แล้วเส้นเนี่ยอย่างบ้านเราร้านที่อร่อยๆ...เส้นต้องคลุกมากับกระเทียมเจียวน้ำมัน...แต่ที่นี่เส้นติดกันเป็นกระจุก...และรสชาติแบบเค็มเฉพาะจุดที่มีซีอิ้ว...ที่เหลือจืด...แล้วขอโทษไม่มีเครื่องปรุง...คือเค้าserveหนึ่งชามพร้อมถั่วงอกลวกใช่มะ แล้วก้อมะนาวซีกหนึ่ง...หมดหน้าที่ร้านเค้าแล้ว..หลังจากนั้นคนสั่งรับผิดชอบกันเอง...

แล้วราคาก้อเฉลี่ยอยู่ประมาณ 5 เหรียญกว่า...คือกินแล้วอิ่มจุกเลย..และก้อจะไม่อยากกินอีก..เพราะมันไม่อร่อยอ่ะ..

เค้าว่าก๋วยเตี๋ยวที่นี่เวียดนามเข้ามาก่อน..เลยเป็นผู้นำด้านก๋วยเตี๋ยว...แบบของเราคนไทยรสชาติจะจัดจ้าน กินแบบนี้แล้วเหมือนไม่มีรสชาติในชีวิตเลย...ฉะนั้น ยุ่นก้อต้องหัดทำก๋วยเตี๋ยวกินเอง...ก้อเลยทำก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นเอย หมูสับเอย แล้วก้อเนื้อวัว...ที่คล้ายๆเกาเหลาประมาณนั้นอ่ะ (.อึม..ของเวียดนามเค้าก้อคือก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวแหละ...อันนี้ก๋วยเตี๋ยวน้ำ...จืดมากๆ..)..และที่สำคัญต้องหัดทำน้ำจิ้มเองด้วย..พริกน้ำส้ม...พริกน้ำจิ้มต่างๆ...ต้องเปิดเน็ทหัดทำเองตลอดเลย..ก้อทำแล้วกินได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วแต่ความทรงจำที่จำได้...รวมทั้งอารมณ์และฝีมือที่ไม่ค่อยแน่นอน...5555 สงสารคนที่ต้องกินเหมือนกันนะเนี่ย...

แต่...ยีนเค้าบอกเค้าชอบที่แม่ทำมาก..อย่างก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นเนี่ย ยีนชมว่าไก่ของแม่เนี่ยมันละลายในปากเลย...แหม !! ลูกเราเนี่ยชมแบบแปลกๆ.....ฟังแล้วไม่รู้ว่าอร่อยมั้ย...ดีมั้ย..หรือว่าเละเกินไป..กำลังคิดว่าถ้าไปเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว จะเอาไปเขียนเป็นสโลแกนของร้าน..มันจะ work มั้ยเนี่ย ?!?

ไอ้ที่เขียนมายาวเหยียดเนี่ย..ยังมีเรื่องเด็ดเกี่ยวกับการทำอาหาร..ซึ่งยุ่นได้รับฟังรับรู้จากพี่คนไทยที่มาอยู่ที่นี่บางคน....อาจหลายคนก้อได้นะ...เนื่องจากต้องปรับตัวในหลายๆเรื่อง..จึงได้คิดวิธีการทำอาหารแบบนี้ขึ้น...ซึ่งหากเพื่อนๆได้อ่านแล้ว...จะทึ่งและอึ้งไปเลย...และใครสนใจจะลองไปทำตามก้อได้นะ...คงต้องติดตามในตอนต่อไป...

Tuesday, January 4, 2011

Countdown 2010

พูดถึงมาอยู่ที่นี่ เพลงเพลิงอะไรก้อไม่ค่อยได้ฟัง KARAOK ก้อไม่ค่อยได้ร้อง...ยุ่นก้อเหงาไปเยอะเหมือนกัน...รู้สึกกล่องเสียงช่วงหลังเริ่มไม่ทำงานแล้ว...55555

วันก่อนที่ไป countdown ที่บ้านพี่ประเวศ 31ธันวา 10 ก้อนั่งคุยโน้นคุยนี่กัน..เสร็จพี่ต้อยก้อบอก...ไปพวกเราไปร้องคาราโอเคกันดีกว่า....ว่าแล้วพี่เค้าก้อเปิดคอมพิวเตอร์...แล้วก้อโซโลกันเลย..มันก้อไม่เหมือนที่ไทยหรอกนะ...ในเรื่องความไฮเทค แต่ก้อพอทำให้คนที่ชอบร้องเพลงรู้สึกดีขึ้น ^^

ก่อนอื่นขอแนะนำนักร้องอีกสองคนก่อน :

คนแรก...พี่ต้อยก้อเป็นรุ่นพี่จุฬานะ..ทันตแพทย์อ่ะ...พอเรียนจบแต่งงานแล้วก้อทำงานในคลีนิคตัวเองเลยตั้งแต่นั้น..ก้อเรียกว่าทำมาเกือบสามสิบปีแล้วหละ...พี่ต้อยบอก..ถ้าให้ดูหน้าคนไข้กับประวัติเนี่ย..จะเชื่อมกันไม่ได้...แต่ถ้าดูฟันคนไข้กับประวัติเนี่ย แกจะนึกออกทันทีเลย...พี่ต้อยก้ออายุมากกว่ายุ่นหนึ่งรอบ...เกิดปีมะโรงเหมือนกัลล์...

อีกคน..พี่อ้อม...ก้อบัญชีจุฬา...มาอยู่ที่แคนาดาเกือบสิบปีแล้ว ปีแรกไปอยู่โตรอนโต...กับลูกชาย...สองคนแม่ลูก..ไม่ไหว..ไม่ชอบ...จะกลับแล้ว..แต่พอดีมาแวะที่แวนคูเวอร์...และหลายสิ่งหลายอย่างมันก้อลงตัวโดยบังเอิญ ทำให้พี่อ้อมกับครอบครัวตกลงใจอยู่ต่อที่แวนคูเวอร์...ยุ่นว่าคงเป็นดวงนะ..พี่อ้อมก้อเป็นรุ่นพี่ยุ่นแปดปี...

พี่อ้อมกับพี่ต้อยจะรุ่นใกล้กัน...ฉะนั้นพี่เค้าจะฟังเพลงและร้องเพลงในยุคเดียวกัน...เช่น เพลงสุนทราภรณ์...สุเทพ ชรินทร์ รวงทอง..อะไรพวกนี้อ่ะ..ซึ่งยุ่นก้อเคยฟังเหมือนกันตอนเด็กๆ...แต่ร้องไม่เป็นเท่าไร..และพี่ทั้งสองก้อมาแคนาดาเกือบสิบปีแล้ว เพราะฉะนั้นเพลงในช่วงสิบปีหลังของบ้านเรา..พี่ทั้งสองก้อจะไม่คุ้นมาก...

แต่วันนี้เราสามคนต้องมาร้องเพลงร่วมกัน คือชอบร้องเพลงทั้งสามคนเลย..สาวสามวัยแต่ใจตรงกัน...

และยุ่นก้อเพิ่งได้มีโอกาสนั่งฟังเพลงเก่าๆแบบจริงๆจังๆ...เลยให้รู้สึกว่าเพลงสมัยก่อนเนี่ย..เพราะมากเหมือนกันนะ...พี่ต้อยร้องแบบเหมือนคนสมัยก่อนเลยอ่ะ...เพราะมาก..อย่างเพลงสนต้องลม...ไม่รู้ใช่มั้ย..หรือสนลิ่วลม..ไม่แน่ใจ...เพราะมาก...แล้วก้อมีเพลงสมัยก่อนอีกมากมาย...ยุ่นก้อฟังพี่ต้อย พี่อ้อม และบางทีก้อมีพี่ประเวศลงมาแจมด้วย...ขอบอก...เสียงพวกพี่เค้า...ร้องเพลงพวกนี้เพราะมากเลย...

แต่อาจมีบ้างที่เวลาร้อง...แล้วอาจจะไปก่อนดนตรี ไม่รอดนตรี ร้อนถึงน้อง Earth ต้องเข้ามาเป็น conductor ให้...เพื่อให้ร้องให้ลงจังหวะจ่ะโคนหน่อย...^^

พวกพี่เค้าก้อเลยบอกให้ยุ่นหัดร้องเพลงพวกนี้ด้วย สามสาวจะได้ร้องด้วยกันได้...^^ ยุ่นก้อพอจะคลอๆไปได้ แต่ถ้าให้ร้องเนี่ย..มันไม่ค่อยเข้ากับบุคคลิกและเสียงของเราเลย...และเราก้อร้องแบบเล่นลูกคอไม่เป็นด้วย..แหะ..แหะ..ไม่ค่อยถนัดเลย....ซึ่งพี่ทั้งสองก้อดูจะเข้าใจยุ่น...

พี่เค้าก้อเลยให้ยุ่นเลือกเพลงที่ยุ่นถนัด..แล้วร้อง..เราก้อเลือกเพลงพวกนันทิดา แหวน ใหม่..และก้อมีบูโดกัน แล้วก้อมี Live and Learn ของคุณกมลา ซึ่งยุ่นชอบมาก...พี่เค้าก้อหัดร้องเพลงยุคใหม่กับยุ่นด้วยเหมือนกัน...ก้อเรียกว่า...เรียนรู้ซึ่งกันและกัน..

ยุ่นว่าก้อดีนะ...เดี๋ยวนี้ยุ่นเริ่มร้องเพลงสมัยก่อนได้หลายเพลงแล้วนะ...และพี่เค้าก้อเริ่มร้องเพลงสมัยใหม่ได้หลายเพลงเหมือนกัน...คืนนั้น..ก้อเป็นบรรยากาศการ countdown ที่ค่อนข้างอบอุ่น...พี่ต้อยบอก..ปีนี้เป็นการ countdown ปีใหม่ที่อบอุ่นปีนึงเลยนะค่ะ...

อันนี้ยุ่นก้อเห็นด้วย...เพราะสองปีที่แล้ว.....ก้อไม่มีอะไรเลยที่ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นปีใหม่...เพราะก้อเหมือนทุกๆวันที่เราอยู่...แต่สำหรับปี 2010 ก้อมีความแตกต่างบ้าง......เย้...

Saturday, January 1, 2011

มันไม่ใช่ของเรา...

หลังจากได้นั่ง mouth กันตามประสาพ่อแม่ลูก...ทำให้ครอบครัวเราได้ remind ถึงเรื่องราวบางอย่างที่ฮา...ฮา..ที่เกิดขึ้นช่วงที่ยุ่นมาแรกๆ...แต่ก้อเหมือนเพิ่งเกิดไม่นานนี้...

มีอยู่ครั้งนึง...จำได้ว่าเป็นวันอาทิตย์...และเป็นช่วงแรกๆที่ยุ่นเพิ่งมา น่าจะอยู่ในราว Sep 08 ช่วงสองอาทิตย์แรก...ฮ่งก้อบอกวันอาทิตย์ เรามีสิทธิ์นั่งรถเมล์ฟรีทั้งครอบครัว...เราก้อไป Richmond ซื้อของกัน..

ตอนนั้น Canada Line ยังไม่เสร็จ...เราต้องนั่งรถเมล์สองต่อ...ก้อเกือบ 40 นาทีนะ..เทียบกับตอนนี้ใช้ Canada Line ต่อเดียว 10นาทีถึง...ประหยัดและสะดวกกว่ามากมายเลย...

เสร็จ..หลังจากที่เราซื้อของกัน ก้อช่วยกันถือ..ก้อแบ่งกันคนละสองถุง...ยีน ยุ่นและฮ่ง...รวมหกถุง...แบบ..ต้องนึกภาพนะ..ฮ่งเค้าทำงานวันจันทร์ถึงศุกร์ เช้า..ตั้งแต่ 10โมงถึง หกครึ่งทุกวัน...ยืนจนขาเดี้ยง..กลับบ้านก้อสลบเลย..เสร็จวันอาทิตย์ต้องมาซื้อกับข้าวด้วยกัน แบกของแบบนี้ มันก้อเหนื่อยเอาการเหมือนกันใช่มะ..

และเราต้องนั่งรถเมล์สองต่อไง...เราก้อนั่งจาก Richmond เข้ามาใน Vancouver แล้วเราก้อต้องต่อรถอีกสายกลับบ้าน...พอขึ้นรถ..ฮ่งก้อง่วง..หลับไป..มือที่ถือไอ้ถุงสองถุงก้อหลุดไปหนึ่งถุง แต่ยุ่นกับยีนมือจับถุงทั้งสองที่รับผิดชอบไว้ขณะที่เรานั่งในรถเมล์...

พอถึงป้ายลง...ก้อลงกันมาตามปกติ..ฮ่งก้อลืมตา...แล้วหิ้วถุงเดินตามพวกเราลงจากรถเมล์...พอลงมา..ยุ่นก้อมอง..และนับถุงว่าครบมะ..ยุ่นสอง ยีนสอง อ้าว..ทำไม??? ฮ่งมีแค่ถุงเดียวหละ?? อีกถุงหายไปไหนแล้ว....

ขณะที่ถามเนี่ย ฮ่งยังสลึมสลืออยู่เลย...วิญญาณยังไม่เข้าร่างเลย...และยุ่นก้อบอกว่า..สงสัยฮ่งลืมบนรถเมล์ ชัวร์...แต่รถเมล์คันนั้นมันวิ่งหายไปแล้ว...

แล้วถุงนั้นที่ฮ่งลืมเนี่ย..มันเป็นถุงสำคัญที่สุดเลย..เพราะมันมีแต่อาหารสดของอาทิตย์ต่อไปทั้งน้าน หมูสับ 2 ปอนด์ หมูสันใน 2.5 ปอนด์ ไก่ โครงไก่...กระดูกหมู...ก้ออยู่ประมาณ 20 เหรียญนะ...600บาทบ้านเรา...

ฮ่งก้อหน้าเสียมากเลย...เพราะวิญญาณตอนนี้เริ่มกลับเข้าร่างแล้ว...และภาพตรงหน้าคือไอ้สองคนแม่ลูก...ยืนหัวเราะกันท้องแข็ง...คือก้อว่าจะไม่ขำ..แต่มันอดไม่ได้จริงๆ..

เสร็จ..ยีนก้อยังแซวอีกว่า...แม่รู้มะ..ก่อนแม่มาถึงแวนคูเวอร์สองวัน...ยุ่นถึงวันที่ 14 Sep 08 ก้อน่าจะประมาณวันที่ 12 มั้ง...พ่อเค้าเก็บเงินได้หน้า apartment 20 เหรียญ เค้าก้อดีใจ...และรู้สึกว่าอึม..เราโชคดีจัง...หัวเราะกิ๊กๆ...ไม่รู้จะไปคืนใคร...ก้อเลยเก็บขึ้น..สงสัยวันนี้เจ้าของเงินเค้ามาทวงเงิน 20เหรียญคืนแน่เลย..สงสัยตอนนี้ได้กำลังหิ้วหมูกลับบ้านอย่างสบายใจ...มีคนซื้อให้เสร็จ...ว่าแล้ว...สองคนแม่ลูก..ก้อยังคงหัวเราะกันแบบไม่เกรงใจ...คุณพ่อของเราเลย...ซึ่งตอนนี้ทำหน้าบรรยายไม่ถูก...ไม่รู้จะโกรธยุ่นกับยีน หรือโกรธตัวเองดี...

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าหนึ่ง..แม้นเราจะเก็บสตางค์ได้ก้ออย่าเพิ่งดีอกดีใจ..เพราะมันอาจจะไม่ได้อยู่กับเรานานเท่าที่ควร.....และสอง..อย่านั่งหลับบนรถเมล์วันที่ไปซื้อของ...เพราะคุณอาจจะเอาของกลับบ้านไม่ครบถ้วน...

ก้อ...เอวัง...ด้วยประการเช่นนี้...

มุมมองของยีน...

ช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาวคริสมาสปีใหม่ ทำให้ครอบครัวเราได้มีเวลานั่งคุยเล่นกันมากมาย...วันก่อนก้อคุยกับยีนว่า...มีอะไรน่าสนใจมั้ยสำหรับเรื่องราวของยีนในแวนคูเวอร์...( คือยุ่นเริ่มมุกหมด จะขอยืมของยีนมาเขียนบ้าง ) ก้อนั่งคุยกันหลายเรื่องราว ทำให้พอมีไอเดียบ้าง..

ยีนมาอยู่ที่นี่ได้สองปีกว่าแล้ว อีกไม่กี่เดือนก้อจะสามปี...ยุ่นก้อต้องคอยสอดส่องว่าเค้ามี something's wrong มะ เพราะยุ่นไม่อยากให้เค้ามีแฟนตอนนี้เลยอ่ะ...เพราะตอนอยู่ไทยมีแฟนแล้วรู้สึกสติแตกเลย...

ยีนบอก..คุยกับเค้าไม่รู้เรื่องหรอกแม่..เพราะเราไม่ได้สามารถคุยแบบลงลึกได้..แบบตอนอยู่ไทย..เราเห็นเพื่อนทำอะไรใช่มะ...เราก้อแซวออกมาอัตโนมัติ แล้วมันก้อ get ไง..คือมันออกมาตามธรรมชาติ...แต่ที่นี่...บางทีเราไม่รู้จะแซวมันไง...คือเราต้องคิดไง..ซึ่งมันไม่ทันเวลา...อีกอย่างมุกแต่ละประเทศ...แต่ละวัฒนธรรม มันก้อแตกต่างกัน..ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้...ที่สำคัญก้อคือมันไม่ใช่ภาษาแม่ของเรา...ซึ่งอันนี้ยุ่นเข้าใจ...คือหากเราเพียงแค่คุยกันธรรมดาก้อได้...แต่บางครั้ง...โดยนิสัยหากเราชอบแซว...ชอบพูดเล่น...พอพูดไม่ออก...มันก้อเซ็งเหมือนกัน...อึดอัดเหมือนกัน...และบางทีปล่อยมุกออกไป เค้าไม่ get เราก้อจ๋อย...

เหล่านี้เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เกิดขึ้น...ซึ่งต้องใช้เวลาในการเรียนรู้...และฝึกฝนพอควร

ก้ออย่างที่วันก่อนเล่าให้ป้อมฟัง...ที่นี่...เค้าชอบใช้ question tag แบบบางทีเวลาเราจะถามอะไรใคร เราก้อจะคิดเป็นประโยคคำถามใช่มะ...ตามแบบฉบับที่เราเรียนมา...

แต่เวลาเค้าคุยบางทีเค้าก้อใช้ tag นะ...ก้อเหมือนเราพูดภาษาไทยนะ..เช่น เธอได้ดูหนังเรื่องนี้...หรือยัง?? Did you see this movie, didn't you? แต่เวลาเราคนไทยพูดเราไม่คุ้นกับการใช้ tag เราก้อจะถามธรรมดา Did you see this movie? มันก้อไม่ผิดนะ..แต่เวลาเค้าพูดฟังดูดี..และธรรมชาติไง..ดูสละสลวยประมาณนั้น...ฮ่งก้อเลยบอก...พวกเราต้องหัดใช้ ประโยคแนวนี้บ้าง ที่นี่เค้านิยมพูด..คือเราต้องสังเกตุนะ..

หรือบางทีเราทำงานใช่มะ..ลูกค้าชมเรา..ส่วนมากเราก้อพูด thank you ฮ่งบอก..เค้าอยากพูดอะไรที่มากกว่านี้...เค้าก้อสังเกตุคนอื่นพูดอะไรบ้าง...แต่ก้อได้ยินไม่ถนัด..วันก่อนดูหนัง..เค้าก้อมีพูด.." I will take this as a compliment!" ฮ่งบอก..ต้องจำแล้วเอาไปใช้ให้ได้...แต่ในเวลาที่ใช้งานจริง..เราจะลืมและใช้แบบเดิมๆตลอด....

อย่างเวลา...เค้าพูด thank you เราเนี่ย..ยุ่นจะ auto เลยนะ... you're welcome... แต่เราก้อสังเกตุผู้ช่วยคนอื่นเค้าก้อมีพูด.. no problem, with pleasure.... เชื่อมะ...แค่ง่ายๆแบบนี้ ยุ่นยังไม่เคยพูดเลย...มีแต่ you're welcome ตลอด...แบบมันลืมอ่ะ...พอพูดเสร็จ ก้อบอกตัวเองว่าครั้งหน้านะ จะลอง จะลอง..แล้วก้อลืมทุกที..

หรืออย่างบางทีกำลังดูนักเรียนคนนี้ แล้วมิสติงเรียกเรา ยุ่นก้อเห็นในหนังมันพูด... I'll be right back !! ก้อจะพูดนะ..แต่ปรากฎยุ่นก้อพูด.. I'll be back soon. คือเราก้อคุ้นเคยแบบที่เราพูดนะ.....แต่คนอื่นอาจไม่เป็นนะ..คืออาจปรับตัวเร็ว..แต่ยุ่นเนี่ย..ทักษะทางภาษาไม่ค่อยเก่งเท่าไร..ยุ่นคิดว่ายุ่นต้องใช้เวลา..แต่อย่างฮ่งกับยีนเค้าสองคนจะค่อนข้างโอเค โดยเฉพาะยีน...ซึ่งเค้ามีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษตลอดทั้งวัน..

นอกเรื่องไปยาวเลย..กลับเข้าเรื่องที่ยีนบอก...ไงก้อมีแฟนที่นี่ยาก..(ขอให้เป็นเช่นนี้ไปนานๆ...5555) เพราะยีนรับไม่ได้ว่าที่นี่พอเป็นแฟนกันใช่มะ...แบบวันนี้ยังเป็นเื่พื่อนกันอยู่ดีๆ..พอตกลงเป็นแฟนกัน พรุ่งนี้เนี่ย...ชีวิตเปลี่ยนเลย...แบบมันหวีทหวานจนเกินเหตุ..เหมือนกลายเป็นคู่สามีภรรยาเลยอ่ะ..

เทียบกับตอนอยู่ไทย ความสัมพันธ์มันค่อยๆพัฒนา..แล้วก้อเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ที่นี่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย...แบบทำใจรับลำบาก....คืออันนี้คุณยีนเค้าพูดเมื่อตอนอยู่ในแวนคูเวอร์สองปีกว่า...ก้อไม่รู้ว่าหากวันเวลาเปลี่ยนไป...เค้าก้ออาจเปลี่ยนแปลงไปตามอายุและสภาพแวดล้อม...เราคงต้องติดตามชมตอนต่อไป...^^