Saturday, January 2, 2010

ในดีมีไม่ดี ในไม่ดีก้อมีดี

การต้องมาใช้ชีวิตในแวนคูเวอร์ นอกจากจะมีความไม่สบายกายคืออาจจะไม่สะดวกสบายเหมือนตอนอยู่บ้านเรา แต่ก้อมีข้อดีมากมาย ซึ่งตอนอยู่ไทยเราไม่มีโอกาสแบบนี้

อันแรกก้อคือเรื่องเวลากับครอบครัว เราสามคนพ่อแม่ลูกมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นมาก ตอนอยู่ไทยเหมือนต่างคนต่างอยู่ ตอนเช้าต้องรีบตื่นแต่เช้า แม่ลูกรีบๆอาบน้ำแต่งตัว ไปส่งยีนที่โยธินตั้งแต่หกโมงเช้า ก้อเป็นช่วงที่คุยได้ดีที่สุดคืออารมณ์จะดีทั้งคู่ แต่ก้อแป๊บเดียว

จากนั้นยุ่นก้อเข้าคุมองหรือบางทีก้อไปอยู่ที่บ้านอาม๊า เพราะออกมาแล้วก้อขี้เกียจขับรถกลับบ้าน แบบแถวนั้นรถติดมากๆเลย..ฮ่งก้ออยู่บ้าน ทำโน่นทำนี่ บางวันก้อเข้ามาช่วยที่คุมอง แต่ช่วงหลังที่ฮ่งไปแวนคูเวอร์แล้ว ยุ่นกับยีนก้อย้ายไปอยู่กับอาม๊าชั่วคราวเลย...

ตอนเย็นกว่าลูกจะกลับมาถึงสถานี BTS อ่่อนนุชก้อเกือบหกโมงครึ่ง บางวันก้อดึกกว่านั้น ออกไปรับรถก้อติด กว่าจะกลับถึงบ้านเอกไพลิน โน่นบางทีปาเข้าไปสองทุ่มกว่า ลูกอยู่ในรถก้อฟังแต่เพลงวัยรุ่น บางทีก้อคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ไม่ค่อยคุยกับแม่ แม่ก้อเหนื่อย บางทีก้อขี้เกียจพูด..

ยิ่งเข้าบ้านกว่าจะกินข้าว ต่างคนต่างทำธุระส่วนตัว เสร็จก้อแยกย้ายกันเข้านอน...ถ้ายิ่งวันที่ยุ่นต้องทำคุมอง คือให้ฮ่งเป็นคนไปรับ ก้อไม่รู้เป็นไง แต่พอยุ่นเลิกคุมองกลับบ้าน แบตเตอรี่ไม่มีเลย...ยิ่งไม่อยากพูดอะไรทั้งสิ้น...ซึ่งจริงๆก้อรู้ว่าไม่ดีนะ..แต่บางทีมันไม่ไหวจริงๆ...หมดแรง..

แต่พอมาที่แวนคูเวอร์ ทุกคนสามารถตื่นได้ค่อนข้างสาย ยุ่นตื่นคนแรกเจ็ดโมงเช้า ขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าและกลางวันให้สองคนพ่อลูก..จากนั้นยีนตื่นเจ็ดครึ่ง ฮ่งตื่นแปดโมง เราได้ทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้า อยู่ไทยลูกทานที่โรงเรียน แม่ทานบ้านอาม๊า พ่อทานที่บ้าน...แบบต่างคนต่างกินเลย..

จากนั้น ยีนก้อเดินไปโรงเรียน 15 นาทีก้อถึง ฮ่งก้อนั่งรถ Canada line แล้วก้อต่อรถเมล์ไปทำงานก้อประมาณ 40 นาที แต่แบบไม่เหนื่อย รถไม่ติด..สบายๆ ยุ่นก้อทำโน่นทำนี่ เสร็จประมาณสิบเอ็ดครึ่ง ทานข้าวแล้วก้อไปเรียนหนังสือ นั่งรถก้อห้านาทีถึงโรงเรียน แบบชีวิตไม่รีบเร่ง ไม่เครียด สบายๆ นี่ก้อเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเรา ทุกคนมีเวลาให้กันมากขึ้น และคุยหัวเราะร่าเริงกันทุกวัน..ยีนยังพูดเลยว่า พ่อ แม่ ตั้งแต่เรามาที่นี่ เราสามคนสนิทกันมากขึ้นเนอะ??


ตอนเย็นทุกวัน แม้กระทั้งวันที่ยุ่นทำคุมองคืออังคาร พฤหัส ศุกร์ ยุ่นก้อจะกลับมาทำกับข้าวให้ทุกคนทานได้ แบบมันไม่เหนื่อยมาก หรือถ้าวันไหนกลับมาช้าหน่อย ฮ่งก้อจะทำกับข้าวเตรียมไว้แล้ว ครอบครัวเรามีเวลาทานข้าวด้วยกันพร้อมหน้าวันละสองมื้อ ถ้าอยู่ไทยรู้สึกจะไม่ค่อยได้ทานด้วยกัน นอกจากวันอาทิตย์เย็นมื้อเดียว...หรือช่วงยีนปิดเทอม..

นอกจากนี้..สิ่งที่ดีอีกอย่างคือยุ่นซึ่งทำกับข้าวไม่ค่อยเป็น ก้อต้องทำเป็นให้ได้ อยู่ไทยก้อมีทำบ้างแต่ไม่ได้เป็นคนชอบทำกับข้าว เราก้อซื้อทานบ้าง ทานนอกบ้านบ้าง แต่อยู่ที่นี่เราจะซื้อทานก้อไม่ได้ เค้าไม่ได้ขายกันมากมายเหมือนบ้านเรา ราคาก้อไม่ถูก บางทีก้อไม่ถูกปาก..ซื้อมากินไม่หมดเสียดายตังส์ จะไปทานนอกบ้านบ่อยๆก้อไม่ได้อีก อย่างน้อยธรรมดาๆของที่นี่ก้อตกคนละ 10 เหรียญต่อมื้อเวลาทานข้างนอก.. แล้วก้อไม่ใช่ว่าถูกปากเรามาก....ทานบ่อยๆมีหวัง ติดลบแน่ๆเลย..

ยุ่นก้อทำอาหารพื้นๆที่ตัวเองทำประจำเช่น ข้าวผัดอเมริกัน เมนูโปรดของยีน...มาที่นี่ก้อทำสปาเก็ตตี้เป็นอีกอย่าง...ไม่ยากอย่างที่คิด...นอกจากนี้ ลาดหน้าเอย ผัดซี่อิ๊วเอย ก๋วยเตี๋ยวหมูเอย ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น ทำจากไม่อร่อยก้อค่อยๆอร่อยขึ้นเรื่อยๆ แบบมันเป็น skill ทำเรื่อยๆก้ออร่อยจนได้...5555

อาหารบางอย่างอยู่ไทยไม่เคยกินเลย ผัดไท เพราะไปซื้อมันจะมันมาก ยุ่นจะกินไม่ได้ แต่มาที่นี่ฮ่งอยากกิน ก้อเข้าไปดูใน net หัดทำจนสองคนพ่อลูกบอกแม่ทำอร่อยใช้ได้เลย...แม่เนี่ย ก้อยิ้มกว้างเลย..

หรืออย่างลาบหมูเนี่ย ปกติอยู่ไทยยุ่นก้อไม่กิน แต่ยีนชอบมาก พี่สะใภ้ก้อทำหลายรอบก้อไม่เคยสนใจ พอมาที่นี่ ลูกอยากกิน ก้อต้องศึกษาหัดทำ ก้อทำจนพอกินได้เหมือนกัน....แต่ที่ตัวเองชอบก้อคือส้มตำ กลับไทยครั้งนี้เลยไปซื้อเครื่องมือที่ขูดมะละกอ พร้อมครกกับสาก มาเพื่องานนี้เลย ก้ออร่อยสะใจตัวเองไปเลย...เสียดายอย่างเดียวไม่รุ้จะหาปูที่ไหน เพราะยุ่นชอบตำปูมากๆเลย..

ปีที่แล้วตอนยีนอยู่เกรดสิบ ปรกกฏมีเพื่อนฮ่องกงคนนึงของเค้าชื่อ Kennett ได้ลองชิมอาหารกลางวันของยีน เกิดติดใจ คือยีนเนี่ยจะเป็นเด็กเรื่องมากด้วย กล่องข้าวของยีนจะไม่ได้เป็นกล่องทับเปอร์แวร์แบบคนอื่น เค้าอยากได้กล่องข้าวที่เก็บความร้อนได้ แบบ Thermos พ่อกับแม่ก้อไปเสาะแสวงหาให้จนได้...เพราะฉะนั้นอาหารกลางวันของยีนจึงร้อนแม้ว่าจะเตรียมให้ตอนเช้า เค้าจะกินอย่างเอร้ดอร่อยในตอนกลางวัน..

ปรากฏหลังจาก Kennett ได้ชิมข้าวกลางวันของยีน เกิดติดใจบอกยีนให้มาบอกแม่ว่าจะขอกินอาหารกลางวันด้วย โดยให้แม่ทำให้อีกชุดนึง และคิดค่าอาหารกลางวันด้วย ตอนนั้นยุ่นก้อบ้าจี้รวมทั้งบ้ายอ ก้อเลยทำไปให้ Kennett กินอยู่พักนึง ยีนคิดสตางค์เพื่อนด้วยมื้อนึง 3 เหรียญหรือไงเนี่ย...อาทิตย์หนึ่งก้อ 15 เหรียญ พ่อก้อไม่ต้องให้เงินค่าขนมลูกเลยช่วงนั้น...

แต่พอทำได้สักสองสามอาทิตย์ ยุ่นเองรู้สึกไม่อยากทำ เพราะต้องเตรียมอาหารมากขึ้น...เวลาบรรจุก้อค่อนข้างลำบาก และเกรงว่าที่เราทำให้เค้ากับราคาที่คิดนะ ไม่รู้จะโอเคมั้ย...แบบไม่สบายใจ ก้อเลยบอกยีนว่า ขอเลิกทำ...แต่ Kennett ก้อบอกว่าโอเค เค้าอยากทาน ไม่แพง ยุ่นก้อบอกว่าอยากทานไว้มาทานที่บ้าน ตอนเย็นหรือวันหยุดก้อได้ แม่จะทำให้ทาน ไม่คิดสตางค์ด้วย..


ทำให้ยุ่นเข้าใจสิ่งที่เคยได้ยินมาว่า "ในดีมีไม่ดี ในไม่ดีมีดี" นี่ก้อคือสัจจธรรมในชีวิตคนเราจริงๆ....เราคงไม่สามารถที่จะได้อะไรทุกอย่าง สมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ใจเรามากกว่าว่า เราจะพอใจในสิ่งที่เรามีแค่ไหน....นั่นเอง..

No comments:

Post a Comment