Thursday, December 31, 2009

Case study : การให้นักเรียนทำคุมองสองระดับ

จากการที่ได้ทำงานที่คุมองศูนย์นี้ ซึ่ง instructor มีวิธีการให้การบ้านนักเรียนแตกต่างจากที่ยุ่นได้เคยเห็นมา...ทำให้ยุ่นเกิดความสงสัย สนใจและอยากรู้ว่าผลที่ออกมาดีหรือไม่ดีอย่างไร?

ตอนที่อยู่เมืองไทยการทำคุมองของบ้านเรา จะมีลักษณะเด่นอย่างนึงก้อคือ พวกเรา instructor จะมีการ share case กัน discuss กัน ศึกษาร่วมกัน...ทำให้เราได้เห็นแนวคิดของเพื่อนร่วมอาชีพ ในการแก้ปัญหาหลากหลายกันไป และหากเราดูว่าแบบไหนเหมาะจะนำไปปรับใช้กับศูนย์เรา เราก้อลองนำไปใช้กันดู...

แต่ที่นี่ยุ่นคิดว่าอาจเนื่องจากความไม่สะดวกในหลายๆเรื่อง เช่นค่าใช้จ่ายต่างๆในการจอดรถเวลามาประชุม ความไม่สะดวกของการมาประชุมร่วมกัน วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน จึงทำให้ที่นี่ไม่ค่อยมีการ share case กันเหมือนบ้านเรา...น่าจะเป็นแบบต่างคนต่างทำมากกว่า...

ของไทยเราถ้าเด็กโตมาเรียน ในที่นี่หมายถึงเด็กประถม 5 ขึ้นไป หลังสอบ DT เราก้อจะคุยกับเด็ก ให้เค้าทำการบ้านมากหน่อย..โดยดูจากการทำงานของเด็ก ว่าเค้าน่าจะมีสมาธิในการทำงานที่ดีประมาณกี่นาที เช่นบางคนทำ 2A ชุดละ 5 นาที สามารถทำในห้องประมาณได้ประมาณ 10ชุด เราก้อจะให้งานเด็ก 2A และ A ไปทั้งระดับ และให้เค้าแบ่งงานทำในหนึ่งสัปดาห์ โดยนั่งทำงานให้ได้วันละประมาณ 40-50 นาที

พอขึ้นระดับใหม่การทำงานต่อวันจะยังเท่าเดิม เพียงแต่เด็กจะทำได้วันละน้อยชุดลง เนื่องจากความยากของแบบฝึกหัด แต่เด็กจะถูกฝึกสมาธิ จากการทำแบบฝึกหัดง่ายๆ และค่อยๆยากขึ้น ยากขึ้นแบบไม่รู้ตัว แต่เป้าหมายคือเราต้องการฝึกสมาธิก่อน ให้เด็กมีสมาธิที่ดีก่อนที่จะให้เด็กเรียนรู้สิ่งที่ยากมากขึ้นตามลำดับ...

นี่คือสิ่งที่ยุ่นวิเคราะห์จากการที่เราให้งานเด็กทำที่บ้านเรา...และก้อค่อนข้างได้ผลดี เพราะระดับที่เด็กทำจะเป็น just right level และสมาธิก้อค่อยๆปรับให้นิ่งขึ้น ดีขึ้น..และเราจะสามารถพาเด็กขึ้นในระดับสูงๆได้ค่อนข้างมาก

แต่ที่ศูนย์นี้ คิดว่าน่าจะทำเพียงศูนย์เดียวที่แคนาดา instructor จะให้งานเด็กโตหลังสอบ DT พร้อมกันสองระดับ เพราะต้องการให้เด็กไล่ทันเลขที่โรงเรียน เพราะถ้าหากค่อยๆทำไป เด็กจะลาออกเพราะเหมือนเรียนแต่บวกๆลบๆ ไม่สามารถนำไปใช้ที่โรงเรียนได้

ทีแรกที่มาถึง ยุ่นก้อรู้สึกแปลกดี น่าสนใจ เพราะวิธีนี้หากได้ผล ก้อจะเป็นการช่วยเด็กให้ไล่ทันคณิตศาสตร์ที่โรงเรียน ก้อไม่เลว แต่ก้ออยากรู้ว่าผลเป็นอย่างไร จึงคอยสังเกตุและศึกษาผลของวิธีนี้...จากนักเรียนที่ทำแบบฝึกหัดสองระดับในศูนย์..

ตอนให้งานเด็กก้อรู้สึกว่ามันจะเป็น just right level มั้ย?? จากการสังเกตุ ในช่วงแรกๆ หากเป็นนักเรียนที่ไม่ค่อยมีปัญหาคณิต จะโอเค คือพอจะเรียนไปได้ หากเป็นนักเรียนที่มีปัญหามากๆจะไม่โอเค คือจะทำแบบทุลักทุเลพอควร แต่ instructor ก้อมีแนวคิดในการให้นักเรียนทำแบบนี้...เพราะเชื่อว่าจะทำให้เรียนได้เร็ว และขึ้นระดับสูงได้เร็วกว่าปกติ..

ยกตัวอย่าง นักเรียน grade 5 หลังสอบ DT P4 อาจสอบเวลาเกินที่กำหนด เช่นอาจทำ 50-60 นาที ไม่เป็นไร เค้าจะดูว่าเด็กทำข้อสอบข้างในเป็นอย่างไร (ที่นี่จะให้เด็กสอบต่ำกว่าชั้นเรียนหนึ่งระดับเช่น grade 4 สอบ P3 ) หากทำบวกลบไม่ดี แน่ๆต้องเริ่ม 2A และถ้าทำสูตรคูณไม่ได้ ก้อให้ C ควบไปเลย ก้อคือให้ทำ 2A วันละ 10แผ่น บวกกับระดับ C ทำ 4-3-3 หกวัน แล้วก้อจะวิ่งคู่ไปสองระดับแบบนี้เรื่อยๆ บางคนก้ออาจเป็น A กับ D 101 หรือ D 151 หรืออาจเป็น A กับ E ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นกับผลการสอบของนักเรียนแต่ละคน..

จากการสังเกตุ เช่น มีนักเรียน grade 9 คนนึง ทำ G 81 กับ H 21คู่กัน ปัญหาที่พบคือเมื่อเด็กทำ H 21 นั้นเด็กยังไม่ได้เรียนเรื่องสมการใน G151 เลย เด็กไม่มีความเข้าใจในเรื่องสมการตั้งแต่พื้นฐาน พอมาทำ H21 ซึ่งเป็นการแก้สมการแบบประยุกต์ การ guide นักเรียนจึงทำได้ยากมาก... บางครั้งก้อต้องบอกเลยว่าย้ายข้างเปลี่ยนเครื่องหมาย โดยไม่ได้อธิบายรายละเอียดมาก เพราะนั่นเหมือนเราสอนเค้าทั้งหมด เด็กจะค่อนข้างสับสนในการทำชุดนี้ในช่วงแรก แต่จากการทำซ้ำมาซ้ำไป เด็กก้อสามารถผ่านได้ ..แต่ยุ่นไม่แน่ใจว่าเด็กมีความเข้าใจเรื่องสมการมากน้อยแค่ไหน..

อีกกรณีหนึ่งเด็กเรียน J81 กับ K81 พร้อมกัน ตอนเด็กทำ K81 เด็กต้องมีความรู้เรื่อง Discriminant ใน J121 ก่อน แต่เนื่องจากยังไม่ถึง ไม่ได้ทำ จึงทำให้เค้าไม่เข้าใจ K81 เท่าไรนัก ก้อต้องอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด เพราะเด็กไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย ซึ่งมันเป็นการกระโดดข้ามบทเรียน และทำให้เค้าไม่ได้มีการเรียนรู้แบบฝึกหัดด้วยตัวเอง เพราะเราต้องสอนเค้าในเรื่องนี้ เพื่อให้นำไปใช้ใน K81 และการจะย้อนความจำเด็ก โดยให้ดูแบบฝึกหัด และคิดเอง ก้อไม่สามารถทำได้ เพราะเด็กยังไม่เรียน...เรื่องนี้เลย...

อีกกรณีหนึ่ง เด็กเรียน E 121 กับ F 21 (ไม่แน่ใจว่าชุดนี้หรือไม่ ที่เป็นการคูณหารเศษส่วนสามถึงสี่พจน์) เด็กทำ E เป็นเรื่องบวกลบเศษส่วน เด็กยังไม่ได้เรียนการคูณหารเศษส่วนใน E141-171 ทำให้เค้างงไม่รุ้ว่าจะทำ F21 อย่างไร...เมื่อเค้าไปถามมิส เค้าก้อแก้ปัญหาโดยเขียนแสดงวิธีทำให้ดู และบอกว่าเด็กน่าจะทำได้เพราะเรียนที่โรงเรียนแล้ว ให้ลองทำดู ซึ่งเด็กก้อดูตัวอย่างที่มิสทำ ก้อยังทำไม่ไ้ด้...ยุ่นก้อแก้ปัญหาโดยต้องอธิบาย หลักการของการคูณหารเศษส่วนให้นักเรียนฟัง เพื่อเค้าจะได้ทำ F21ได้ ซึ่งก้อเช่นกันทำให้เด็กขาดการเรียนรู้เรื่องคูณหารเศษส่วนด้วยตัวเอง

อีกกรณีหนึ่งเด็กอยู่ grade 4 หรือ 5 แต่มีปัญหาคณิตศาสตร์มาก เด็กทำ A 121-151 ช่วงลบ กับ C 71-81 Aเด็กทำชุดนึงก้อเกือบชั่วโมง ดู A ช่วงบวกก้อทำค่อนข้างนานเช่นกันมากกว่า 30 นาทีในชุดที่ยากเช่นกัน การทำ C 71-81 ถึงจะทำแค่วันละ 4-3-3 แต่เด็กนั่งทำแบบทรมานมาก ทำสามแผ่นชั่วโมงนึงยังไม่เสร็จ...เด็กมีปัญหาร้องไห้ทุกวัน ไม่อยากเรียน...เกลียดเลขมาก ต้องทะเลาะกับแม่ทุกครั้งที่มาเีรียนคุมอง จากการบอกของแม่เด็ก...

คิดถึงนักเรียนของเรา ขนาดครูยุ่นให้ทำระดับเดียว บางระดับเช่น C 71-91.. D 101-121 .. F 91-121 และอีกหลายๆชุดที่เด็ดๆ เด็กไทยเรายังร้องไห้กระจองอแง และอยากลาออกเหมือนกัน...อันนี้ทำสองระดับ อาการก้อแบบสาหัสมากๆเลย...คิดว่าพ่อกับแม่คงปวดหัวมากๆไม่แพ้พ่อแม่นักเรียนของเราเหมือนกัน...

หรือบางทีก้อมีแปลกๆเช่น เด็กทำ D สองเล่ม หมายความว่าเล่มแรกวิ่งไล่เล่มสอง คือเล่มแรกเริ่มที่ 2A จนมาถึง D เล่มสองเริ่ม C จนมาถึง D และมาจ๊ะเอ๋กัน ถ้าการให้งานเป็น D ต้นๆ ก้อยังพอทำเนา แต่เห็นนักเรียนหลายๆคน ได้การบ้านวันนึงต้องทำ D 101 วันละ 5 แผ่น บวกกับ D 111 วันละ สี่ สาม สาม ให้รู้สึกเศร้าแทนเด็ก เพราะระดับ D ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกข์ทรมานมาก และเด็กลาออกมากที่สุดในโลก สำหรับยุ่นการให้งานแบบนี้ โหดสุดๆเลย...แต่ก้อนั่นแหละ...เค้าอาจจะฝึกความอดทนของเด็ก...

อย่างไรก้อตาม ก้อมีเด็กอีกมากมายในศูนย์ที่เรียนสองระดับ และขึ้นไปในระดับ G H I ได้ แต่เด็กที่นี่พอเรียนประมาณระดับ G H I ก้อจะลาออก ไม่อยากเรียนต่อ J เหมือนบ้านเรา ก้อไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ทั้งๆที่การให้การบ้านก้อไม่มาก บางคนทำวันละ 2 แผ่นเอง ทำสัปดาห์ละ 5 วัน คือเค้าไม่ได้เรียนเร่งทำแบบบ้านเรา คือเรียนไปเรื่อยๆ...ถ้าถึงระดับสูง... และจากการที่ยุ่นได้ศึกษา Math 10 11 และ 12 ที่นี่ ก้อไม่แตกต่างจากบ้านเรา ความยากก้อใกล้เคียงกัน ซึ่งหากนักเรียนได้เรียนคุมองในระดับ J K L M น่าจะยิ่งเป็นประโยชน์สำหรับการเรียนเลข high school ที่โรงเรียน

สำหรับยุ่นก้อไม่แน่ใจว่าการให้งานสองระดับนั้นดีหรือไม่อย่างไร แต่จากการสังเกตุและวิเคราะห์ ก้อยังคงติดใจเรื่อง just right level ของเด็ก อาจเนื่องจากเราไม่มีประสบการณ์ในการให้งานแบบนี้มาก่อน ทำให้ยุ่นเองยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก....รวมทั้งไม่มีความชำนาญในการให้ และยังคิดวิธีที่ดีในการแก้ปัญหาเวลานักเรียนมีปัญหาไม่ได้...อีกทั้งผลที่ออกมาก้อยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร

หากถามว่าถูกหรือผิด คงตอบค่อนข้างยาก หากคุณโทรุ คุมองอยู่ ยุ่นก้อว่าอยากจะลองถามแกว่ามีความคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นจากประสบการณ์ของยุ่นเอง...คงต้องดูผลของเด็กที่เรียน ความยากง่ายที่เด็กรู้สึก..สมาธิ....ความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตัวเอง...ความเข้าใจในบทเรียน และการนำไปประยุกต์ใช้ในโรงเรียนว่าเป็นอย่างไร

หากถามยุ่นนาทีนี้....ยุ่นก้อยังไม่เห็นด้วยกับวิธีการให้งานสองระดับกับนักเรียน และคิดว่าควรมีการทำ case study ก่อนที่จะนำไปใช้ ดูข้อดีข้อเีสียที่เกิดขึ้น และ instructor ต้องมีความรู้และความเข้าใจแบบฝึกหัดคุมองอย่างลึกซึ้งและแม่นยำ...ทีเดียว

2 comments:

  1. ถ้างานสองระดับแบบ CDEF กับ 2A-A-B สำหรับเด็ก grade 4-5 แถวนี้ น่าจะโอเคมั้ย เพราะเด็กเรียนมาแล้ว แต่ไม่แม่นบวกลบ

    ส่วน G กับ H หรือ J กับ K นี่ไม่เห็นน่าจะให้สองระดับเลยนะ

    กับไม่เข้าใจว่าพอทันกันแล้ว ทำไมไม่หยุด ทำ D101 กับ D111 พร้อมกันทำไม

    ประสบการณ์น้อยนิด แต่อยาก comment ด้วยคน 5555

    ReplyDelete
  2. จากการสังเกตุถ้า ให้สองระดับตั้งแต่ 2Aถึง F ถ้าเป็นเด็กเกรด 5 ขึ้น และไม่มีปัญหาคณิตมาก ก้อพอไหว แต่ก้อค่อนข้างทุลักทุเล เพราะพื้นฐานไม่ค่อยแม่น...

    พี่ก้อเห็นด้วยว่า G upไม่ควรให้สองระดับ..ส่วน D หรือ C ถ้าทันกัน เค้าจะรอให้จบ 1 เล่มเช่นมีเล่มนึงถึง 200 ค่อยลดเหลือหนึ่ง หรือลดเมื่อเด็กมีปัญหา พ่อแม่มาบ่น พี่คิดว่าเค้าคงต้องการให้เด็กลองอดทนดูก่อน..

    ก้อคงต้องดูกันไปอีกสักพัก...วันหลังพี่อาจค่อยๆยอมรับก้อได้..

    ReplyDelete