Friday, June 25, 2010

เล็กๆน้อยๆ

นับเวลาที่ยุ่นได้มาอยู่ที่แคนาดาเนี่ย ก้อประมาณปีครึ่งได้แล้ว อึม..เวลาก้อผ่านไปเร็วเหมือนกันนะเนี่ย...นึกถึงช่วงแรกๆที่เข้ามา ยุ่นจะมีปัญหาเรื่องภาษาค่อนข้างมาก แต่อยู่มาอยู่ไป มันก้อค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ..

ทีแรกมา...การฟังกับการพูดเนี่ยมีปัญหามากๆ ก่อนมาที่นี่ ก้อมีเด็กนักเรียนเคยถามยุ่นว่า ครูยุ่นคิดว่าอะไรจะเป็นปัญหาในการสื่อสาร เราก้อเกิดมาไม่เคยมาเรียนหรืออยู่เมืองนอก..เคยแค่เที่ยวแป๊บๆ เราก้อบอกครูยุ่นว่าน่าจะเรื่องการฟังนะ...

แต่พอเอาเข้าจริง ฟังกับพูด. สองทักษะ แบบบางทีอยากพูดมากเลย แต่จะพูดไงดีเนี่ย..ก้ออึดอัดพอควรนะในช่วงแรก....แต่ฟังเนี่ยคือสำคัญอันดับแรก เพราะถ้าฟังเค้าไม่ออก ก้อต่อไม่ติดแล้ว

ยุ่นก้อแก้ปัญหาโดยดูทีวี ดูเยอะๆ 5555+ ดูข่าว ดูหนังและที่สำคัญคือเป็นคนชอบดูเกมส์โชว์...ยีนยังบอกเลยแม่เนี่ย..ติดเกมส์โชว์..เรียกว่าถ้ากลับไทย ใครจ้างไปทำเกมส์โชว์เนี่ย ไอเดียบรรเจิดเลยแหละ...

สาเหตุที่ชอบดูเพราะ เค้าจะใช้ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน...ซึ่งเราต้องได้ใช้ ได้พูด..เค้ามีการทักทายปราศรัย นอกจากนี้เกมส์โชว์ที่นี่ แบบมีเล่นคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ถามคำถามต่างๆ ที่สำคัญเค้าพูดช้า ชัดเจน แลเค้าเป็นเจ้าของภาษา ทำให้เราได้หัดฟังประโยค แล้วก้อได้ศัพท์ และก้อเพลิดเพลินเพราะเราก้อคิดคำตอบไปด้วย...ยุ่นว่าอันนี้ทำให้ทักษะการฟังของตัวเราเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด...แล้วก้อมีความรู้รอบเอวมากขึ้นด้วย...เพราะเราจะเรียนรู้ culture ของเค้าจากการพูดคุยธรรมดาๆในชีวิตประจำวันของเค้านั่นแหละ

ขณะที่ดูเนี่ย...ถ้าประโยคไหนที่เราคิดว่าดี เราน่าจะได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ก้อจะนั่งพูดซ้ำๆ เพื่อให้จำได้. ประโยคไหนไม่เข้าใจ ก้อจดไว้ เวลาเรียนกับ Ian ก้อไปถาม หรือบางทีก้อไปถามครูผู้ช่วยพวกเด็กๆนักเรียนนะ ...เพราะบางอันที่เค้าใช้ เป็นแสลง เป็น idiom ซึ่งก้อทำให้เราสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้...

อีกเรื่องที่เป็นเรื่องถกเถียงและสงสัยกันในครอบครัวเราก้อคือ ยีนบอกว่า แม่เชื่อมะ ครูที่นี่นะ..เค้าฟังภาษาอังกฤษของคนที่ไม่ได้เกิดที่นี่ได้แทบทั้งนั้น ครูที่นี่เก่งเนอะ..ฟังรู้เรื่องหมดเลย ได้ไง??? .ยุ่นก้อสังเกตุ...เป็นอย่างที่ยีนพูดจริงๆ ยุ่นเนี่ยจะเห็นชัดกว่ายีน เพราะยีนอยู่ในโรงเรียน เรียกว่านักเรียนส่วนใหญ่จะพูดอังกฤษกันแบบเป็นไฟ...อาจมีเล็กน้อยที่มาเรียนจากที่อื่น แต่ครูก้อเข้าใจในสิ่งที่เด็กพวกนี้พูด ทั้งที่สำเนียงการออกเสียงจะไม่เหมือนปกติ

แต่ยุ่นสิ เรียนที่ school board หรือเรียนกับ Ian นักเรียนที่เรียนด้วยก้อแบบเรา immigrant ทั้งน้าน จีนก้อพูดอังกฤษแบบสำเนียงจีน ญี่ปุ่นก้ออีกอย่าง รัสเซียก้อฟังยาก แขกก้อแบบแนวแขก เรียกว่าเวลา Tom ให้อ่าน essay ที่ตัวเองแต่ง ยุ่นเนี่ย..ฟังของคนอื่นไม่รู้เรื่องเลย...หรือเวลาเค้าให้อ่านภาษาอังกฤษในห้อง ถ้าเป็นชาติอื่นอ่านนะ ยุ่นก้ออ่านในใจไม่รู้เรื่องเหมือนกัน...แต่ทอม..ครูที่สอน เค้าเข้าใจพวกเรา..comment ได้เป็นฉากๆ...ทำได้ไงเนี่ย...

แบบ..ทีแรกก้อคิดว่า ทำไมอังกฤษเราเนี่ยอ่อนจัง..ฟังเค้าไม่ออกเลย..ปรากฏคุยกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ รัสเซียเค้าก้อบอกเค้าไม่รู้เรื่อง แต่ก่อนเรียนกับ Iku เค้าก้อบอกเค้าก้อไม่รู้เรื่อง..55555 และวันก่อน Peina เพื่อนคนจีนโทรมาหา เค้าพูดกับยีน ยีนก้อไม่เข้าใจที่เค้าพูดเลย..ยีนก้อแซว..แม่ ทำไมแม่คบเพื่อนที่พูดภาษาอังกฤษแบบนี้อะ?...คุยกันรู้เรื่องเหรอ...เราก้อขำ..ตอบไปว่ารู้บ้างไม่รู้บ้าง..แต่พอดีไม่มีฝรั่งให้คบ...เลยต้องคบเอเชียกันเอง...

แต่...ยุ่นมานั่งคิด...เลยเริ่มถึงบางอ้อ...เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น...ในเรื่องของภาษาที่เราใช้สื่อสารกัน..

ก้อคิดเหมือนว่าถ้าเรา..เป็นคนไทย เวลาเราฟังแขกพูดภาษาไทย คนจีนพูดไทย หรือพม่าพูดไทย แบบพวกเค้าก้อพูดไม่ชัด แต่เราก้อพอเข้าใจ เดาได้ิ เพราะเราเป็นเจ้าของภาษา ก้อคงเหมือนฝรั่งเค้าเป็นเจ้าของภาษา พอเค้าฟังเรา เค้าคงพอเดาได้ แต่ถ้าออก pronunciation ผิดเนี่ย หรือ stress ผิดเนี่ย เค้าจะงงไปเลย เราต้องสะกดให้เค้า แล้วเค้าจะแก้การอ่านคำนั้นของเราเลย...

และเวลาฟังเจ้าของภาษาคือฝรั่งพูดเนี่ย จะดีที่สุด คือมันฟังได้มากสุด..คือเค้าพูดชัดสุดไง..แต่ต้องพูดไม่เร็วมากนะ..ถ้าเร็วเกิน ก้อจับไม่ทันอีก...

นี่ก้อเป็นประสบการณ์เล็กๆน้อยๆในเรื่องภาษา...เวลาฟังแบบนี้ก้อดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เอาเข้าจริงก้อใช้เวลาในการเรียนรู้ แบบไงอะ...คือภาษาเนี่ย ถ้าเราได้ฝึกฝนได้พูดได้ฟังทุกๆวัน มันก้อต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ปัญหาคือบางทีเราไม่มีคนพูดด้วยไง...ฟังนะหาได้ จากทีวี ยืมวีดีโอ ซีดีจากห้องสมุดก้อได้ แต่พูดเนี่ย จะไปหาใครมาพูดด้วย นอกจากคุณได้ทำงาน ซึ่งก้อไม่หมูอีก สำหรับที่นี่...

ไอ้ที่จะไปหาเรียน conversation ดีๆเลยก้อมี แต่ค่าเรียนแพงมั่กๆ ก้อเรียนแบบของรัฐบาลไป..เรียนฟรี แต่จะช้าหน่อย ก้อมีของ Ian เนี่ยที่ยุ่นว่า work สุดแล้ว...และยุ่นเอง ก้อยังโชคดีที่มีคุมองเป็นสนามซ้อม ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ไม่งั้น...ก้อไม่รู้จะไปพูดกับใครดี.....ชีวิตที่อยู่เมืองนอกเนี่ย สำหรับยุ่น...ยุ่นว่ายุ่นคงจะเคยชินยาก...เพราะเราก้ออายุปูนนี้แล้ว...แต่ก้อคงเก็บเล็กเก็บน้อย...สะสมไป...เท่าที่เราจะทำได้..

นี่ก้อเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่อาจจะไม่ค่อยมีสาระอะไรมาก...แต่ก้อก้อมีความสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตในต่างแดน...พอสมควร..

3 comments:

  1. อึม..ลืมไป มีเพิ่มเติม...การที่เราได้คุยโทรศัพท์ก้อเป็นการฝึกพูดและฟังภาษาที่ไม่เลวเลย ทีแรกยุ่นไม่กล้าเลย ฮ่งก้อแบบบังคับให้ทำ...จนกระทั่งเดี๋ยวนี้..ไม่กลัวแล้ว...อะไรที่กลัว ก้อทำมันไป...จะได้รู้ว่าอะไรมันจะเกิด...จะได้เลิกกลัว >.<

    ReplyDelete
  2. พี่ยุ่น เขียนเรื่องนี้โดนใจเก๋มากเลย เก๋คิดว่าพี่สอนคุมองมาก็ได้ใช้อยู่เรื่อยๆ ไปโน่นคงสบาย ขนาดนี้พี่ยุ่นยังรู้สึกเป็นปัญหา

    ของเก๋ สมัยเรียนจบใหม่ๆ ยังค่อยยังชั่วนะ แบบพอได้ใช้บ้าง แต่ตอนนี้ก็เป็นโรคกลัวฝรั่งเหมือนเดิม อ่าน เขียนนี่สู้ตาย แต่ฟัง พูด นี่ยอมแพ้ เลย

    2-3 เดือนที่แล้วไปเจอหนังสือเล่มนึง คนไทยนะเขาสอนให้ลูกพูดภาษาอังกฤษ แบบ OPAL-one parent one langauge แล้วลูกเขาก็ทำได้ เก๋เลยอยากทำกับลูกบ้าง แต่โคตรยากเลยนะ คำง่ายๆ ที่ใช้ในชีวิตประวันเนี่ย ใบ้รับประทานเลย ต่อไปนี้เก๋หัดกับพี่ดีกว่านะ เดี๋ยวจะเมล์ไปถามทุกวันเลย

    ReplyDelete
  3. ใช่เลย...แบบคำง่ายๆที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เราก้อไม่ได้เรียนในห้องเรียนไง เราก้อแบบจะมึนไปเลยเวลาต้องใช้...5555+

    แต่หากเราได้ใช้ทุกวัน เราก้อคุ้นเคยไปเอง...เพียงแต่พวกเราไม่มีสนามให้ฝึกไง เราเรียนจากโรงเรียน ใช่มะ...grammar เอย อ่านก้ออ่านได้ เขียนก้อพอไหว...แต่พูดกับฟัง เราไม่มีใครให้พูดด้วย แล้วอยู่บ้านเรา ภาษาอังกิดที่พวกเราออกเสียง ก้อแบบแนวบ้านเรา ไม่ใช่ที่ฝรั่งเค้าออก แบบพวกเค้าออกเสียงสูงเสียงต่ำไง...ที่บางทีคนไทยพูดแล้วเค้าจะบอกกันว่าดัดจริต แต่จริงๆไม่ใช่ ตอนนี้พี่เข้าใจ คือฝรั่งออกแบบนี้ เค้าก้อจะงงเวลาเค้าฟังเราไง

    อย่างแค่เรียกชื่อนักเรียนในศูนย์นะ..เก๋ คิดดู พวกคนที่นี่เค้าเรียกกันเสียงสูงเสียงต่ำ ฟังแล้วเพราะๆ เช่น Amelia Micheal Brian Iman แบบเค้าออกกันลื่นมาก...พอพี่ยุ่นไปนั่งตรวจแล้วเรียกนะ...แบบเราก้อหญิงมั่นนะ...ออกก้อไม่ถูกแต่เสียงดังไง..เวลาเรียกแรกๆเนี่ย หันมามองหน้าพี่กันทั้งศูนย์เลย...คงงงกันชื่อใครวะเนี่ย??? ช่วงหลังเริ่ม copy เสียงสูงๆต่ำๆ แต่ก้อไม่เพราะเท่าพวกเค้า แต่เด็กๆเริ่มคุ้นเคยและรู้ว่าเรียกใครแล้ว... 5555 ก้อเป็นประสบการณ์ขำๆนะ

    ReplyDelete