เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ยุ่นได้ไปเข้า class อึม..เค้าเรียก ฺBusiness Conversation Class ของ UBC Learning Center ที่ได้ไปเรียนก้อเพราะครูที่ยุ่นเคยไปเรียนด้วย Ian เค้าเมลมาบอกว่า class นี้น่าสนใจ ตอนเปิด course ก้อจะไปเรียนแล้ว แต่โทรไปเค้าว่าเต็ม..พอบอก Ian ว่าอยากเรียน เค้าก้อเลยบอก staff ว่าให้สุวรรณีมาเรียนได้..
แต่จริงๆยุ่นก้อรู้แหละว่าพอเปิดเรียนไปสักสามสี่ครั้งจะมีที่ว่าง เพราะจะมีนักเรียนหลายๆคน จะเริ่มไม่อยากมาเรียน เพราะการเรียนที่นี่แบบเรียนฟรีนะ..ฉะนั้น..คนที่มาเรียน บางคนก้อมาลองเรียนดูก่อน เสร็จไม่ชอบ ก้อไม่มา..บางส่วนชอบ ก้อคงเรียนต่อไป..จำนวนนักเรียนในห้องจากวันแรกที่มากมาย จะค่อยๆลดลงเหลือประมาณ 6-10 คนแล้วแต่แต่ละ class ซึ่งหากเราไปเรียนช่วงนั้นจะคุ้ม..เพราะคนน้อย เราจะมีโอกาสได้พูดมาก และเรียนรู้มาก...
แล้วก้อเป็นดังคาด...พุธที่ 9 นี้ ยุ่นก้อเลยลองไปเรียนดู..ก้อแบบชอบนะ..Ian เค้าจะสอนสิ่งที่เราควรรู้ในแคนาดา และพอดี course นี้มันเกี่ยวกับการทำงานนั่นเอง...ซึ่งเราก้อมีความสนใจอยู่แล้ว..วันนี้เค้าก้อเริ่มด้วย idiom ที่ใช้ทางธุรกิจ...
ซึ่งยุ่นก้ออยากจดบันทึกไว้ พวก idiom ที่ฝรั่งเค้าใช้ เราก้อไม่ได้คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้มาก.. หลายครั้งก้อลืม และหนักข้อคือจำไม่ได้ว่าจดไว้ที่ไหน...ก้อเลยคิดว่ายุ่นน่าจะจดลงใน blogger ซึ่งยุ่นก้อสามารถเปิดหาได้ง่าย...ไม่ต้องจำว่าจดใส่ตรงไหน..และเผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆที่เข้ามาอ่านด้วย...ก้อเริ่มเลยนะ...
paper trail : followed with the paper Ex. If you don't pay tax or bills, the paper trail will follow you. เหมือนเป็นพวกเอกสารที่จะคอยติดตามเราไปตลอด...ขึ้นกับเครดิตของเรา..
head count : number of staffs
Shoot their labour, shooting their labour : fire lots of staffs
keen : use in worker, business person who has a good attitude, on time, wants to learn, working hard ( you can call him " keener" )
skill-sets : acquire abilities, learned abilities , education
soft skills : interpersonal skills not technical abilities คือพูดง่ายๆมนุษย์สัมพันธ์นะ..ไม่ใช่เก่งงานเท่านั้น
results oriented : wants to do a good job ( goal) เช่น บริษัทต้องการ results oriented, ครูเวลาสอนเด็กก้อต้องการ results oriented เช่น จบชั่วโมงภาษาจีนชั่วโมงนี้ เด็กต้องสามารถพูดเบอร์โทรศัพท์เป็นภาษาจีนได้..
lean and mean : a condition in a company that is hard working and not many people to do the job. the worker likes a fighter. คล้ายแผนกเภสัชที่ฮ่งกำลังทำอยู่คือ คนน้อย และแต่ละคนต้องทำงานเต็มอัตราหรือบางครั้งเกินอัตรา..
cuts, staff cuts : ตัดพนักงานออก หรือ laid off นั่นเอง
crack the whip : คล้ายๆลงแส้ แบบบางบริษัทใช้วิธีนี้ให้พนักงานทำงานหนัก..แบบ เข้ม..
stick -in the -mud : not a good team player พนักงานที่เข้ากับคนอื่นไม่ได้ มีปัญหาในการทำงาน
word-of- mouth : ปากต่อปาก ในที่นี้ หมายว่าการจะเข้าทำงานในบริษัทนั้น เป็นลักษณะการบอกต่อ แนะนำ..หรืออาจใช้คำว่า personal referral
bring the hammer down : to bring discipline and rules to the situation use with authority figure : police,parents, teachers and in the company.
head honcho : the boss, the leader, the supervisor, the big guy
นอกจากนี้ก้อมีอีกสองคำที่ดี แต่ไม่ได้ใช้ทางธุรกิจ :
raining like cats and dogs : heavy rain
I'm all ears : good listening skills
catch some Zs : Feeling tired? Ex. You may want to go to bed, take a nap or catch some Zs. ( or sleeping)
grab a bite : you are being asked to go out to a restaurant for something to eat.
under the weather : you're feeling a little sick
You reap what you sow : you usually get what you deserve Ex. If you work hard and don't give up, you'll succeed.
not do anything by halves : to do what ever you do completely and properly
วิธีการสอนของ Ian ที่ยุ่นชอบเพราะเค้าจะเป็นครูที่พูดไม่มากในห้อง แต่จะแบ่งกลุ่มนักเรียน และพยายามให้ทุกคนได้พูด ได้แสดงความคิดเห็น...ซึ่งอันนี้ยุ่นว่าเป็นอะไรที่สำคัญของ conversation course แล้วเค้าก้อจะคอยแก้ไขที่เราพูดผิด..
แบบในห้องครั้งนี้ก้อมีรัสเซียหนึ่ง แขกสอง จีนสอง แล้วก้อไทยหนึ่งก้อยุ่นเองแหละ..ก้อหนุกดี ตอนหลังเค้าก้อให้พวกเราจับคู่คุยกัน แล้วให้อีกคนหนึ่งสังเกตุพฤติกรรมของคนฟัง แล้วก้อมาเล่าให้ฟังว่าตัวเองเห็นอะไร...ซึ่งเราก้อจะเห็นว่าแต่ละคนเวลาฟังคนอื่นพูดจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน บางคนเวลาพูดไม่สบตาผู้ฟัง บางคนพูดไม่หยุด..บางคนฟังแล้วพยักหน้า เออออตามไปเรื่อยๆ..อะไรประมาณนี้...แล้ว Ian ก้อสอนพวกเราว่าเวลาคุยเนี่ย ระหว่างคู่สนทนา เราควรพูดอะไรบ้างระหว่างทาง ที่ทำให้ผู้พูดรู้สึกว่าเราสนใจในสิ่งที่เค้าพูดนะ..
เนี่ยแหละ..ที่ยุ่นต้องการ..แบบถ้าเป็นภาษาไทยเราก้อสบายมาก..เช่น เหรอ..จริงดิ..แล้วไงต่อ..แต่ตอนมาอยู่ที่นี่แรกๆ แบบอึ้งกิมกี่ไง...กูจะพูดอะไร ยังไงวะเนี่ย..แบบ..มันเป็นคำพูดในชีวิตประจำวันไง...เราก้อไม่ได้เคยใช้เคยพูด..มันต้องใช้เวลา แล้วก้อสังเกตุเอา..อีกอย่างที่คิดว่าทำให้เราไม่ได้พูดอะไร เพราะเรามัวแต่จดจ่อกับสิ่งที่เค้าพูด แบบ listening ยังไม่ค่อยดีไง..
Ian ก้อสอนเทคนิคต่างๆ :
1. Intonation question : one word repeat it or with rising intonation
2. WH question followed by short statement
3. หรือใช้คำต่างๆเหล่านี้ : really ? that's so ? Yeah, Interesting....it's cool ( อันนี้ได้ยินและสังเกตุเวลาเค้าคุยกัน ) awesome!
4. command : Tell me about that....
5. Yes/ No question
ไอ้ที่บอกเนี่ย..เราเองก้อต้องฝึกใช้นะ..แบบถ้าเป็นภาษาเราเอง เราก้อสบายๆ แบบมันธรรมชาติเลย.. แต่ภาษาอังกฤษ มันไม่ชิน แล้วก้อต้องบอกว่ามันยังไม่ธรรมชาติ คงต้องใช้เวลาเพื่อทำตัวให้ธรรมชาติ...เพราะฉะนั้น บางทียุ่นก้อลืมประจำ..บางครั้งฟังเค้าเล่าก้อฟังเพลิน ไม่ใช่เพลินหรอก..คืออย่างที่บอก...ตั้งใจฟังมาก..เพราะกลัวตัวเองแปลไม่ทัน เลยลืมพูดไอ้คำเหล่านี้ไง...5555+คิดว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทั่วไป เพราะสังเกตุ ชาติอื่นๆที่มาเหมือนเรา...เค้าก้อตั้งใจฟังจนลืมพูด...ระหว่างที่ฟังเรื่องราวของคนอื่น...
ดีจังเลยค่ะ คุณครูยุ่น ขอสมัคร เป็นลูกศิษย์ อีกต่อนึงนะคะ
ReplyDeleteน้อง ท่าพระจันทร์
ข้างบนเนี่ย หมายถึง ร้านน้อง ท่าพระจันทร์ หรือเปล่าคะ
ReplyDeleteใช่ค่ะ...พี่น้องเป็นแฟนกับพี่เภสัชที่พี่รู้จักนะค่ะ พี่จู๊ด...
ReplyDelete