Thursday, December 24, 2009

งานในแวนคูเวอร์ ภาคพิเศษ

ทุกๆวันพฤหัส จะมีนักเรียนใหม่มาสมัครเรียน และจะมีการประชุมผู้ปกครองใหม่ ในห้องเรียนก้อมีการสอนปกติ ยุ่นก้อทำงานปกติ แต่วันนี้จะเป็นวันที่ยุ่งนิดหน่อย เพราะยุ่นต้องพานักเรียนใหม่ไปสอบ DT

ขั้นตอนก้อไม่มีอะไรมาก ก้อหยิบข้อสอบให้เด็ก พร้อมดินสอ พาไปที่โต๊ะ และบอกเด็กว่าเค้าต้องทำอะไรบ้าง เช่นเขียนชื่อ เกรด อายุ และตอกเวลาอย่างไร แล้วก้อให้เด็กทำ หลังจากนั้นเราก้อไปทำงานอื่น พอเด็กสอบเสร็จ เค้าก้อเอาข้อสอบมาส่ง แต่ก่อนก้อไม่รู้ ยุ่นก้อตรวจข้อสอบเอง แต่ช่วงหลังไม่ไหวเลยส่งให้ครูผู้ช่วยคนอื่นช่วยตรวจ....เพราะบางครั้งเด็กมาสอบ 20 คน เรียกว่าไม่ทันเลย ที่เล่ามานี่คือยุ่นต้องดูแลการสอบทั้งเลขและอังกฤษ

ปัญหาที่ไม่ทันก้อคือบางทีเด็กเล็กมาเราก้อต้องนั่งสอบกับเด็ก ทั้งเลขทั้งอังกฤษ บางทีก้อเครียดเหมือนกัน แบบไม่มีใครช่วยเลย มิสติงก้อเห็นว่าเรากำลังสอบเด็กอยู่ แต่ก้อเรียก สุวรรณี สุวรรณี ตลอด....ช่วงหลังทำงานแล้วให้เกิดรุ้สึกว่า ทำไมมิสติงไม่ฝึกผู้ช่วยคนอื่นบ้างเลย...งานที่ให้ยุ่นทำ ยุ่นคิดว่าคนอื่นก้อสามารถทำได้ แต่ทำไมเรียกแต่เรา...แต่คิดในแง่ดีคือแกไว้ใจเรามาก...ก้อทำให้บางครั้งความรู้สึกดีขึ้นบ้าง..

และวันนั้นก้อมาถึง วันพฤหัสที่ 26 ก้อมีเด็กนักเรียนใหม่มาสอบประมาณ 6 คน บางคนสอบวิชาเดียว บางคนสองวิชา ขณะเดียวกันเด็กในศูนย์ก้อยังเหลืออีกมากมาย แต่มิสติงเค้าบอกเค้าต้อง PO แล้ว ให้ยุ่นดูเด็กที่เหลือด้วย...ยุ่นก้อดูเด็กไป พอเด็กสอบเสร้จก้อส่งให้ครูผู้ช่วย ครูตรวจเสร็จ ก้อส่งข้อสอบให้มิส ครั้งนี้คือยุ่นไม่ได้เห็นข้อสอบที่สอบเสร็จเลย ปกติจะต้องมีผ่านตาบ้างและลงบันทึกว่าวันนี้นักเรียนใหม่กี่คน มาสอบกี่วิชาอะไรประมาณนี้ แต่วันนี้ไม่เห็น เนื่องจากยุ่นต้อง feed back เด็กนักเรียนที่ยังอยู่ในห้อง

มีนักเรียนใหม่คนนึงชื่อ Jason เกรด 9 เค้าก้อมากับน้องชาย ก้อสอบแต่อังกฤษ เสร็จพ่อก้อฟัง PO นิดหน่อยแล้วกลับก่อน บอกพรุ่งนี้จะพาลูกทั้งสองคนมาสอบเลขอีก...

วันรุ่งขึ้นวันศุกร์ เป็นวันที่เด็กมากเรียนเยอะมาก....ยุ่นก้อช่วยงานปกติ... Jasonกับน้องชายก้อมาสอบเลขตามที่บอกไว้...และคุณพ่ออยู่คุยกับมิสติงถึงปิดศูนย์...ช่วงนั้นมิสก้อให้ยุ่นเขียนรายชื่อนักเรียนใหม่ ว่ามีใครมาสอบบ้าง สอบกี่วิชา ซึ่งก้อรวมทั้ง Jason ที่สอบเลขและอังกฤษ แต่ก้อยังไม่รู้ว่าเค้าเรียนเลขและอังกฤษทั้งสองวิชามั้ย ต้องรอมิสบอกอีกที...เพราะเค้าเป็นคนคุยกับผู้ปกครองทุกคน..และจะบอกยุ่นอีกทีว่าใครเรียนกี่วิชา และยุ่นก้อจะสรุปให้เค้าว่าอาทิตย์นี้มีนักเรียนใหม่มาเรียนกี่คน

พอคุยกับพ่อเด็กเสร็จเค้าก้อส่ง Application พร้อมกับข้อสอบเลขของ Jason กับน้องชายให้ยุ่น และบอกว่าให้เตรียมงานให้เด็กสองคนนี้ เด็กเป็นนักเรียนวันศุกร์นะ แต่จะมาเริ่มเรียนอังคารหน้า...ก้อคือวันอังคารที่ 1 ธันวา ยุ่นก้อรับเรื่องไว้ และจัดการตามปกติ

เด็กที่มาเรียนส่วนใหญ่ถ้าเป็นเด็กโตมิสติงจะให้ทำงานสองระดับควบไปเลย...ซึ่งก้อถือว่าเป็น case study ที่สำคัญอีกอันหนึ่ง...ซึ่งไว้จะเล่าต่อไป...ยุ่นก้อเปิดแฟ้มเด็กสองคนนี้ ในวิชาคณิต แต่ละคนจะมี folder สองเล่ม รวมเป็นสี่เล่ม

วันอังคารยุ่นก้อเตรียมเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย...Jasonมาเรียนก้อสอนปกติ Jason กับน้องชายก้ออยู่ในศูนย์นานมาก ประมาณเกือบสองชั่วโมงเพราะพ่อเค้าส่งแล้วก้อไปทำธุระ...พอคุณพ่อมารับก้อจะปิดศูนย์แล้ว ยุ่นก้อมีหน้าที่ต้องไปคุยกับคุณพ่อว่าดูแลลูกอย่างไร สำหรับวันนี้เป็นรายที่สี่ที่ต้องคุย...ก้ออธิบายรายละเอียด และบอกคุณพ่อว่าJasonมีปัญหาเรื่องสมาธิ ขณะทำงานจะเหม่อลอย และชอบคุยกับน้องชายมาก ขนาดแยกน้องชายไปแล้ว พี่ยังตามไปยุ่งอีก แต่ตัวน้องชายเค้าโอเค สมาธิจะดีกว่า...คุณพ่อก้อรู้สึกดี ขอบคุณยุ่นและรู้สึกว่าเราสนใจใส่ใจลูกเค้า เสร็จเค้าก้อถามว่าแล้วภาษาัอังกฤษหละ ลูกเค้าเป็นไง???

ยุ่นก้องงเลย งานนี้ เพราะไม่รุ้ว่าเค้าเรียนภาษาอังกฤษ ก้อเดินมาหามิสติงถามว่า Jasonเรียนอังกฤษด้วยเหรอ
มิสติง ใช่ สุวรรณี เธอจำไม่ได้เหรอ เธอเป็นคนหยิบข้อสอบให้เค้าสอบเองนะ
ยุ่น ใช่ค่ะ แต่หลังจากนั้นก้อไม่เห็นข้อสอบเค้าอีกเลย ไม่รู้ไปไหน แต่คิดว่าผู้ช่วยตรวจเสร็จแล้วเอาให้มิสติงเลย
มิสติง แต่ฉันก้อเอาให้เธอแล้ว ฉันเอาทุกอย่างให้เธอหมดแล้วไง
ยุ่น แต่ไม่มีอังกฤษ
มิสติง (เสียงเริ่มดังขึ้น แบบไม่ค่อยพอใจ) งั้นเธอไปให้ครูอังกฤษเค้าจัดให้สิ ไปบอก Monica


ยุ่นก้อเดินไปบอก Monica Monica ก้องง แล้วจะจัดยังไง ไม่รุ้ผล เสร็จยุ่นก้อเดินมาบอกมิสติงอีก เค้าก้อโกรธ และบอกว่าก้อจัด A1 ไปก้อแล้วกันวันละ 10 แผ่น ไปให้ Monica จัด ยุ่นก้อเดินไป กำลังพูดกับ Monica ยังไม่จบประโยค มิสติงก้อเดินไล่หลังมาและบอกว่า สุวรรณี เธอนั่นแหละ เธอหละรีบไปจัดให้เด็กเดี๋ยวนี้เลย อย่าให้พวกเราต้องขายหน้ามากกว่านี้..ไปสิ ไปเดี๋ยวนี้เลย...แบบเค้าตวาดยุ่นราวกับเราเป็นเด็กรับใช้...แต่ตอนนั้น...ยุ่นไม่โกรธนะ คือความรู้สึกตอนนั้นงงมากกว่าว่า ข้อสอบมันหายไปไหน หายไปได้ไง หัวสมองกำลังคิดแต่เรื่องนี้อย่างเดียว แล้วก้อแบบใครบอกให้ทำอะไรก้อทำไป เรียกว่าขาดสติเลยแหละ...

พอเสร็จก้อรีบไปจัดแล้วก้อเดินไปหาคุณพ่อ Jason พร้อมขอโทษและบอกว่าต้องรบกวนให้ทำอังกฤษที่บ้านนะค่ะ คุณพ่อดีมาก บอกไม่เป็นไรครับ แล้วเค้าก้อกลับบ้านกัน...

ตอนทีเกิดเหตุการณ์คือไม่มีใครเหลือในศูนย์แล้ว ก้อมีมิสติง ยุ่นแล้วก้อ Monica เสร็จมิสติงก้อดุยุ่นว่าสุวรรณีฉันว่าโต๊ะเธอเนี่ยรกมากเลยนะ เธอควรจัดโต๊ะใหม่ได้แล้ว ฉันว่าเธอคงเผลอทิ้งข้อสอบเค้าไปแน่เลย...เนี่ย อันนี้อะไรเนี่ย ไม่เอาก้อทิ้ง โต๊ะเธอของมากมาย เธอก้อหาไม่เจอสิ...รกขนาดนี้...

ยุ่นก้อเริ่มรู้สึกแย่ โต๊ะยุ่นของมากจริง แต่เราจัดเป็นหมวดหมู่ เพราะฉะนั้นยุ่นจะรู้ว่าอะไรอยู่ไหน คือในลิ้นชักก้อเก็บของไม่ได้ เพราะมันเป็นของส่วนกลางหมด และที่วางบนโต๊ะก้อเป็นของนักเรียนใหม่ทั้งนั้น...ก้อไม่รุ้จะพูดยังไง ก้อได้แต่บอกเค้าว่าเราไม่เห็นข้อสอบนั้นจริงๆ แล้วเราจะทิ้งได้ไง...แกก้อบอกช่างมันเถอะ ครั้งนี้มันผิดพลาดผ่านไปแล้วช่างมัน ไม่ต้องไปหาข้อสอบแล้ว... แต่ต้องไม่มีครั้งหน้าอีก.. ต้องแก้ไขให้ดีขึ้น....และครั้งหน้าไม่ว่าข้อสอบจะหายไปไหน เธอต้องเป็นคนหามาให้ได้ มันเป็นความรับผิดชอบของเธอ..

นาทีนั้น ยุ่นฟังแกพูดแล้วสะอึกเลย...ความรู้สึกมันบอกไม่ถูก แบบน้อยใจสุดๆเลย เพราะเรารู้สึกว่าเราทำดีที่สุด และจริงๆตอนจ้างเราก้อบอกว่าแค่เลข แต่ตอนนี้มีอังกฤษให้รับผิดชอบด้วย..อย่างไรก้อตาม..ยุ่นไม่เห็น และยุ่นก้อยอมรับว่าเราลืมจริงๆ...ซึ่งแกก้อบอกว่าเราลืมได้ไง เพราะเราเป็นคนเอาข้อสอบให้เด็กสอบ ยุ่นก้อยังเถียงเค้าอีก ว่าแต่เราไม่รู้ว่าเค้าเรียนอังกฤษด้วย เพราะเราไม่เห็นข้อสอบ..และมิสก้อไม่ได้พูดถึง เพราะตัวน้องชาย Jason ก้อเรียนเลขวิชาเดียว...แกก้อบอกก้อดูที่กระดาษที่จดรายชื่อไง...ซึ่งแกก้อลืมไปอีกว่าแกเอากลับบ้านไป เพื่อโทรตามนักเรียนใหม่ที่ยังไม่มา และกระดาษใบนั้นก้ออยู่กับมิสติง ไม่ได้อยู่กับยุ่น..คือเหตุการณืทุกอย่าง มันช่างบังเอิญดีแท้...

แต่ยังไงมันก้อเกิดแล้ว..ทำไงได้. พอตอนกลับบ้านแกก้อพูดกับยุ่นว่า ไม่ต้องกังวลหรอกสุวรรณี การทิ้งข้อสอบหรือ sheet เด็กนะเป็นเรื่องที่เกิดได้ แต่ฉันก้อไม่เคยทิ้งนะ...แต่ยังไงก้อตาม ไม่เป็นไร หลังจากนี้ เธอต้องระวังมากขึ้นนะ เค้าก้อยังยืนยันว่ายุ่นทิ้งข้อสอบ...

ความรู้สึกตอนนั้นก้อยังแย่อยู่ดี เพราะยุ่นไม่เห็นข้อสอบนั้นจริงๆ...คือไม่ผ่านตาเลย...และยุ่นก้อยืนกรานกับเค้าอีกว่าเราไม่ได้ทิ้ง..เราไม่ได้ทิ้งจริงๆ..

เรื่องนี้ก้อค้างอยู่ในหัวใจตลอดเวลา...และคืนนั้นก้อรู้สึกเสียใจและไม่สบายใจ คิดถึงคำพูดหลายๆประโยคแรงๆที่แกว่าเรา ก้อยิ่งเสียใจ ก้อโทรไปคุยกับเพื่อนที่ชื่อ Dorris Doris น่ารักมาก ให้กำลังใจและบอกว่าเค้าก้อเคยอยุ่ตรงนี้มาก่อน เหมือนกับยุ่นเลย ทำทุกอย่างคนเดียวและทำได้เดือนเดียวก้อไปขอเปลี่ยนหน้าที่ ขอตรวจงานอย่างเดียว มันเครียดมาก กลับบ้านร้องไห้ทุกวันเลยช่วงนั้น และยังมีความกลัวตลอดเลยที่จะต้องกลับไปทำหน้าที่นี้อีก ยุ่นก้อบอกว่ายุ่นทำได้นะหน้าที่นี้นะ แต่พอดีงานนี้เราไม่ผิด Dorris บอกเค้าเข้าใจเพราะถ้าทำคนเดียวหลายๆอย่างก้อต้องมีโอกาสผิดพลาดได้...แต่เค้าก้อบอกให้อดทน และลองคุยกับมิสติงตรงๆว่า งานมากไป บางทีเราทำไม่ทัน หรือจะให้ลูกสาวเค้า Nikki มาช่วยยุ่นก้อได้เช่น หยิบ Sheet หรือทำอะไรที่ไม่สำคัญมาก ไม่ต้องทุกอย่างให้แต่ยุ่นทำคนเดียว...ยุ่นก้อคิดว่าอึม..อาจเป็นเพราะเราไม่เคยบอกเค้า เราน่าจะลองคุยดู...เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น

วันพฤหัสก้อเลยตัดสินใจลองคุยกับมิสติงว่า บางครั้งเนี่ยงานที่ทำบางทียังไม่เสร็จ มิสติงให้ไปทำงานอื่นอีก รู้สึกไม่ดี และก้อเครียดด้วย...แกหยุดเลย หน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด...แต่แกก้อโอเคและบอกว่าแกจะคิดว่าจะแก้ปัญหายังไง วันนั้นแกไม่กล้าเรียกชื่อสุวรรณี ก้อให้รุ้สึกอึดอัดเหมือนกัน ซึ่งแกก้อคงอึดอัด แกก้อเลยหลุดมาว่าไม่รู้จะทำยังไง แกทำงานแบบนี้มา21 ปี ตามองสมุดนักเรียน แล้วปากก้อเรียกผู้ช่วยไปทำโน่นทำนี่ โดยที่ไม่เคยมองผู้ช่วย แต่วันนี้ต้องมองยุ่นทุกครั้งว่าว่างมั้ย มันไม่ถนัดเลย...ยุ่นก้อบอก.ก้อเรียกได้เหมือนเดิม..ไม่ใช่เรียกไม่ได้ แล้วก้อยิ้มนิดๆ แกก้อดีขึ้น หลังจากนั้นก้อเรียกเราปกติ..

วันศุกร์ Jason ก้อมาเรียนครั้งที่สอง ยุ่นก้อทำโน่นทำนี่ของเราไปเรื่อยๆ บังเอิญมองเห็นที่โต๊ะเค้ามี folder อังกฤษ ก้อเลยเดินไปดู เจอข้อสอบอยู่ในนั้น และการบ้านที่ครุอังกฤษคือ Lisa ซึ่งปกติมาศุกร์แต่วันนั้น Lisa มาแทน ได้เตรียมให้เด็กเรียบร้อยแล้วคือให้เด็กเรียน A2 ยุ่นก้อแบบดีใจมาก เพราะมันเหมือนกับเป็นการยืนยันว่าเราไม่ได้ทิ้งของซี้ซั้วนะ..และก้อเดินไปถาม Lisa ซึ่งเธอก้อบอกว่าวันนั้นมิสติงบอกว่าเด็กจะมาเรียนวันอังคารให้ lisa เตรียมงานเลย และเธอก้อเตรียมไว้เรียบร้อยและบอกมิสติงไว้แล้ว...

ก้อคือว่ามิสติงแกลืมเอง......และงานนี้..สุวรรณีโดนด่าฟรีแบบว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย...เศร้า..และเริ่มเข้าใจชีวิตลูกจ้าง.....มากขึ้น

แต่ตอนนั้นก้อรู้สึกดีใจนะ ที่เราไม่ได้ทิ้งเอกสารพร่ำเพรื่อ ก้อเดินไปหามิสติงและบอกเค้าว่าเราเจอ folder เด็กแล้ว lisa เตรียมไว้ให้ แต่งานเป็น A2 แต่ที่มิสติงให้เป็น A1 มิสติงก้อหยุดนะ..เค้าเปิดสมุดเห็น DT เค้าก้อหยิบขึ้นเก็บในกระเป๋าเค้า แต่เค้าไม่ขอโทษยุ่นแม้แต่คำเดียว...แต่ยุ่นก้อรู้สึกดีมากเพราะเพียงอยากให้เค้ารู้ว่ายุ่นไม่ได้ทิ้งข้อสอบเด็ก ยุ่นไม่ได้ทำแบบนั้น...และก้อรุ้สึกว่าตัวเองสบายใจขึ้น..เหมือนสิ่งที่ค้างคามันหมดไป...

พอเสร็จก้อสังเกตุว่าอารมณ์แกจะเปลี่ยนไป..แกไม่ค่อยพอใจ...และวันนั้นบังเอิญมีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง grade 9 น่าจะได้ ไม่เอาการบ้านมา แกก้อให้ทำ 10 แผ่นในห้อง G41 ยุ่นก้อไปหยิบให้ แต่คือในห้องเหลือมิส ยุ่น Lisa และเด็ก..ที่นี่พอเจ็ดโมง ผู้ช่วยจะกลับบ้านหมด ตรวเวลามากๆ....ยุ่นก้อรีบไปตรวจงานที่เด็กทำ เด็กทำ G41 สี่แผ่น ผิดเกือบหมด แบบถูกแค่ห้าหกข้อ..ยุ่นก้อเอาให้มิสติงดู และพูดแบบปกติว่า เด็กทำผิดเยอะมากเลย สงสัยไม่เข้าใจ. I think he didn't understand.....ก้อพูดเหมือนทุกครั้ง...แต่ครั้งนี้ งานเข้า...จังเบ่อเร่อ

แค่นั้นเลย เป็นเรื่อง แกตวาดยุ่นอย่างแรงและบอกว่า สุวรรณีทำไมเธอชอบพูดคำว่าไม่เข้าใจ พูดไม่ได้นะคำนี้ เธอไปหยิบ folder ของเค้ามา ฉันจะให้เธอดูอะไร เราก้อเดินไป เค้าก้อว่าเราให้ Lisa ฟังเป็นภาษาจีน ก้อแบบได้ยินนะ แต่ไม่สนใจ พอยุ่นเดินกลับมาพร้อม folder เด็ก Lisa คงเห็นท่าไม่ดีเลยกลับบ้านก่อน...จากนั้นมิสติงก้อดุยุ่นเสีัยงดังมาก บอกว่าอย่าพูดคำว่าไม่เข้าใจ ไม่ใช่เค้าไม่เข้าใจแต่เป็นเพราะเค้าขี้เกียจ เค้าไม่ทำการบ้าน เค้าลอกงาน จึงทำไม่ได้ นั่นคือปัญหาที่แท้จริง...เธอต้องรู้ก่อนว่าปัญหาเค้าคืออะไร..ไม่ใช่พูดว่าเด้กไม่เข้าใจ เธอพูดบ่อยมากๆ... ถ้าเธอพูดว่าไม่เข้าใจ เธอรุ้มั้ย พ่อแม่เด็กในศูนย์นี้พอเค้าได้ยิน เค้าจะคิดว่าเด็กเรียนคุมองไม่ดี ไม่เข้าใจ เราไม่สอน พูดแบบนี้ไม่ได้ ศูนย์เราจะแย่.. ฉันหวังว่าจะไม่ได้ยินคำพูดแบบนี้จากเธออีก

นอกจากนี้ก้อกำชับว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ยุ่นไม่ต้องสอนเด็กอีก ถ้าเด็กมีปัญหาให้มาหามิสติงเท่านั้น เพราะยุ่นสอนแบบใจดีเกินไป เด็กจะช่วยตัวเองไม่ได้ เธอดูฉันสิ สอนเด็กแล้วเด็กไม่ค่อยมาถามเลย..ต้องดุ..และต้องฝึกให้เค้าคิดและทำเอง..ไม่ใช่เราจะช่วยเค้าตลอด แต่ก่อนที่นี่ไม่มีเธอ เด็กก้อเรียนรู้เองได้ ทุกคนทำได้ของเค้าเอง ไม่ค่อยถามด้วย เธอจะทำให้พวกเค้าไม่คิดและชอบถาม.

...ที่ไทยนะอาจเป็นแบบนั้นแต่ที่นี่ไม่ได้ เด็กที่ไทยกับที่นี่แตกต่างกัน... ฉันนะไม่เข้าใจคุมองที่นี่จริงๆ..คิดได้ไงจัด trip ไปดู instructor ที่เมืองไทย...เด็กก้อไม่เหมือนกัน วัฒนธรรมก้อไม่เหมือนกัน ดูไปจะนำมาใช้ได้เหรอ...ฉันนะไม่ไปแน่ๆ และก้อไม่เห็นด้วย และก้อมี instructor ที่นี่หลายคนที่ไม่พอใจ..ในเรื่องนี้ และคุมองยังบอกให้พวกเรา North America ทำตามประเทศไทยอีก...

อ้าว เรื่องยาวเลย...และวันนั้นคือวันอังคารที่เค้าว่ายุ่นมากๆ ก้อเรียกว่าแรงกว่าวันก่อนที่บอกว่ายุ่นทิ้งข้อสอบเสียอีก ตอนแรกก้อโกรธนะ รุ้สึกเลยว่าหน้าเนี่ยร้อนผ่าวๆ เลือดสูบฉีดแรง หัวใจเต้นแรงขึ้น มือสั่นและเหงื่อออกมาก เสร็จก้อนึกถึงคำที่พี่สุวรรณาสอนว่า ไม่พูดในสิ่งที่คิด และคิดในสิ่งที่จะพูด...และวันนั้นยุ่นไม่พูดอะไรเลย..นั่งฟังอย่างเดียว ไม่เถียง พูดแต่ yes แล้วก้อคิดต่อว่าเค้าคงโกรธเราที่เอาเรื่องเดิมมาพูด ไม่ยอมจบ และเหมือนไปตอกย้ำว่าเค้าผิด....และช่วงนี้เค้าก้อคงจะเครียดหลายเรื่อง นักเรียนออกมากมาย ความรู้สึกนี้ที่จริงเราก้อเคยเป็น....สักพักยุ่นรู้สึกตัวเองว่าดีขึ้น...ควบคุมตัวเองได้ ไม่โกรธ หัวใจเริ่มเต้นปกติ หน้าก้อไม่ค่อยร้อนเท่าไรแล้ว...รู้สึกว่าดีมากที่เราควบคุมตัวเองได้ ไม่เหมือนวันก่อน งง ขาดสติ และสุดท้ายโกรธ และอีกสักพักก้อรู้สึกมิสติงเค้าจะดีขึ้น...และก้อพูดกับเราดีขึ้น..จากนั้นก้อกลับบ้าน..

2 comments:

  1. อ่านแล้วรู้สึกกดดันไปด้วยเลยค่ะ

    ReplyDelete
  2. เวลาอยู่ในเหตุการณ์ เครียดสุดๆเลย...แต่ยังไงก้อผ่านได้แล้ว

    ReplyDelete